ผลการศึกษาของอะโดบี (Adobe) พบ ผู้จัดการและพนักงานกว่า 70% เห็นว่า “ความไม่แน่นอน หรือการเปลี่ยนแปลง” กลายเป็นเรื่องปกติในสถานที่ทำงาน และจากความไม่แน่นอนนั้น ทำให้พนักงานกว่า 70% บริโภคข่าวสารระหว่างชั่วโมงทำงานเพิ่มมากขึ้น และ 75% ระบุว่ารายการข่าวด่วนส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานเป็นเวลาหลายชั่วโมง
ผลการศึกษาดังกล่าวคือรายงานชื่อว่า The Future of Time: Redefining Productivity During Uncertainty ของอะโดบีที่พบว่า “ความไม่แน่นอน” คือแรงจูงใจที่ทำให้องค์กรธุรกิจเพิ่มการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และการทำงานร่วมกัน โดยมีประเด็นด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ภาวะโลกร้อน และการกลายพันธุ์ของโควิด-19 เป็นปัญหาที่พนักงานกังวลมากที่สุด
ข่าวด่วนกระทบประสิทธิภาพในการทำงาน
ภายใต้ความไม่แน่นอนนั้น ผู้จัดการและพนักงาน 70% ระบุว่าตนเองใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นในการรับรู้และพูดคุยเกี่ยวกับข่าวสารต่าง ๆ ในที่ทำงานเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และพนักงาน 76% ระบุว่ารายการข่าวด่วน (Breaking News) ส่งผลกระทบเป็นเวลานานถึงสองสามชั่วโมงในการทำงานวันนั้น ๆ
สถานการณ์ความไม่แน่นอนนี้ส่งผลให้พนักงานทุกคนมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง โดยคนรุ่น Gen Z (93%) และคนรุ่น Millennials (87%) รู้สึกถึงผลกระทบมากกว่า เมื่อเทียบกับคน Gen X (79%) และ Baby Boomer (71%) ไม่กระทบมากเท่า
อย่างไรก็ตาม พนักงานส่วนใหญ่ (58%) มองว่าการทำงานเป็นกิจกรรมที่ช่วยไม่ให้รู้สึกฟุ้งซ่านในช่วงที่เกิดสถานการณ์ไม่แน่นอน บริษัททุกขนาดพยายามกระตุ้นให้พนักงานมีส่วนร่วมและให้การสนับสนุน โดยใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัลในรูปแบบใหม่ และสร้างสรรค์มากขึ้น ซึ่งพบว่าพนักงานมีความกระตือรือร้นที่จะร่วมกันกำหนดอนาคตของการทำงาน และดำเนินโครงการเพื่อเปลี่ยนแปลงองค์กร พนักงานส่วนใหญ่ระบุว่าสถานการณ์ความไม่แน่นอนทำให้พวกเขาจำเป็นต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เช่น ใช้กระบวนการใหม่ ๆ และแนวทางการแก้ปัญหาแบบสร้างสรรค์
ขณะที่พนักงาน 1 ใน 4 คาดหวังว่านายจ้างจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ในปีหน้า โดยเปิดโอกาสให้พนักงานได้ทดลองกระบวนการใหม่ ๆ ในการทำงานด้วย
ทั้งนี้ การสำรวจดังกล่าวเป็นการสำรวจความเห็นของพนักงาน ผู้จัดการในองค์กรขนาดใหญ่ (ENT) และผู้บริหารธุรกิจขนาดเล็ก (SMB) กว่า 9,700 คนใน 8 ประเทศทั่วโลกอย่าง สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และอินเดีย