การระบาดของโควิดผ่านพ้นไป ภาคการท่องเที่ยวอุตสาหกรรมหลักของประเทศเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมในประเทศ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือทีซีซี กรุ๊ป ของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ก็เดินหน้าขยายพอร์ตโรงแรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ในมือรับภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว
ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มเป็น 7.39 ล้านคนในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาหรือเฉลี่ยวันละกว่า 5 หมื่นคน (จากเติบโตจากช่วงโควิดที่มี 4 แสนคนในปีที่ผ่านมา) ทำให้คาดการณ์ว่าในสิ้นปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาราว 10 ล้านคน โดยปี 2566 ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่น้อยกว่า 20 ล้านคน ทำภาคการท่องเที่ยวเริ่มมองหาโอกาสใหม่ๆด้วยการกระตุ้นท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ดึงนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง
ขณะที่นโยบายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. นับจากนี้คือการสร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน รองรับการฟื้นตัวของโลกยุคหลังโควิด ที่ไทยต้องไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยว หากแต่ต้องหมายถึงจุดหมายปลายทางในฝันแรก หรือ “Preferred Destination” (แหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยนึกถึง และเลือกมาท่องเที่ยวเป็นอันดับต้นๆของโลก) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ โดยหยิบยกเอาเรื่องการท่องเที่ยวยั่งยืนเข้ามาใช้ในการดึงเม็ดเงินจากต่างชาติ รับเทรนด์การท่องเที่ยวหลังโควิดให้ความสำคัญด้านความยั่งยืน
นั่นทำให้ AWC เดินหน้าพัฒนาพอร์ตโฟลิโอของโรงแรมในเครือในทุกมิติ ทั้งเชิงธุรกิจและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง
รับท่องเที่ยวฟื้น AWC ตั้งเป้าสู่ Carbon Neutral สร้างการท่องเที่ยวยั่งยืน
คุณวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (AWC) กล่าวว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ Building a Better Future การสร้างความยั่งยืนด้านการท่องเที่ยว และการดำเนินงาน และโครงการต่างๆ ผ่าน 3 เสาหลัก 6 มิติ หรือ 3BETTERs ได้แก่ 1.สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น (BETTER PLANET) การผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) 2.คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (BETTER PEOPLE) การพัฒนาบุคคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กร 3.เศรษฐกิจที่ดีขึ้น (BETTER PROSPERITY) การผลักดันให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและกระตุ้นความเจริญ
โดยวางเป้าหมายจะเป็น Carbon Neutral คือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2573 โดยในช่วง 5 ปีจากนี้ ตั้งแต่ปี 2565-2569 บริษัทจะเน้นลงทุนพัฒนาโครงการตามกลยุทธ์ Carbon Neutral ที่คำนึงถึงมาตรฐานอาคารสีเขียว และได้รับการรับรองมาตรฐาน EDGE
“ในระยะเริ่มต้นการลงทุนด้านความยั่งยืนอาจใช้งบสูงกว่าการลงทุนปกติ 20% ในแง่นวัตกรรม เทคโนโลยี แต่ในระยะยาวจะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน เป็นการลดพลังงานและคืนทุนระยะยาวได้สูงกว่าเดิม พร้อมทั้งสามารถบริหารจัดการได้”
ลงทุน 1 แสนล้าน เดินหน้าพัฒนาโครงการเดิม-พิจารณาโรงแรมใหม่ เสริมพอร์ต
ขณะที่สถานการณ์ภาพรวมของธุรกิจโรงแรมในเครือฯ ปัจจุบัน พบว่าภาพรวมยอดการจองห้องพักในปัจจุบันพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด หลังการประชุม APEC 2022 เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยประเมินว่าในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ถือว่าเป็นช่วงที่ดีสุดของธุรกิจโรงแรมในปีนี้ เนื่องจากมีงานไมซ์เข้ามากระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาในประเทศไทย หลังจากในช่วงที่ผ่านมาอัตราการเข้าพักเริ่มฟื้นตัวจาก 30-40% เป็น 50% โดยปัจจุบันอยู่ที่ 60% สูงกว่าปี2562 ขณะที่ Room Rate ก็ปรับเพิ่มจาก 4,200 บาทป็น 4,900 บาทปลายๆ ทำให้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจน
อย่างไรก็ตามหลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 พบว่าโรงแรมหลายแห่งไม่สามารถทนแบกรับภาระต้นทุนได้ในยามที่ไม่มีนักท่องเที่ยว ทำให้หลายโรงแรมกว่า 200 แห่งยื่นข้อเสนอให้กับ AWC ในการเข้าซื้อกิจการตลอดช่วงที่ผ่านมา
และแม้ AWC เองจะมีการจัดสรรงบประมาณส่วนดังกล่าวไว้แล้ว ภายใต้กรอบภายใต้กรอบการลงทุน 5 ปีจากนี้ (ปี 2565-2569) ที่ 100,000 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาโครงการต่อเนื่อง 15 โครงการ คิดเป็นมูลค่าลงทุนรวมประมาณ 60,000 ล้านบาท ส่วนอีก 40,000 ล้านบาท เพื่อมองโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ รวมถึงการลงทุนที่เน้นการพัฒนาสู่ความยั่งยืนพร้อมบริหารจัดการภายในให้มีประสิทธิภาพ
โดยดีลทั้งหมดที่ยื่นเข้ามากว่า 200 แห่งทั่วประเทศ มีทั้งที่บรรลุข้อตกลงในช่วงที่ผ่านมา และที่อยู่ระหว่างการศึกษาทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด นอกจากนี้นี้ยังมีแผนในการลงทุนปรับปรุงธุรกิจเดิมให้ดีขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อม และรองรับลูกค้า นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศ
ทำให้ในปีหน้า (2566) จะได้เห็นการขยายโรงแรมใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ โครงการโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล และ โรงแรม อินน์ไซด์ กรุงเทพ สุขุมวิท โดยทั้ง 2 แห่งจะมีห้องพักรวม 400 ห้อง จากปัจจุบันที่มีจำนวนห้องพักภายใต้การบริหารรวม 5,000 ห้อง ซึ่งโรงแรมใหม่ทั้งสองแห่งยังเป็นโครงการที่ก่อสร้างโดยคำนึงถึงมาตรฐานอาคารสีเขียว และได้รับการรับรองมาตรฐาน EDGE อีกด้วย
ส่วนโรงแรมใหม่ที่กำลังก่อสร้างอื่นๆ ได้แก่ ได้แก่ โรงแรมในพัทยามี 4 แห่ง ได้แก่ เจดับบลิว แมริออท เดอะ พัทยา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา , พัทยา แมริออท มาร์คีส์ , อควาทีค พัทยา ออโตทราฟ คอลเลคชัน, พัทยา แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา แอท จอมเทียนบีช และในกรุงเทพฯ มี โรงแรมเดอะ ริทช์ – คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซต์ (ล้ง 1919), โรงแรม เจดับบลิว แมริออท มาร์คีส์ โฮเทล เอเชียทีค กรุงเทพ, ดิ เอเชียทีค แบงค็อก ออโตทราฟ คอลเลคชัน และ อินน์ไซด์ กรุงเทพ สุขุมวิท
โดยปัจจุบัน AWC มีโรงแรม 8 แห่ง ในกรุงเทพฯ และโรงแรมในต่างจังหวัด 11 แห่ง ทั้งในภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน กระบี่ สมุย ขณะที่พอร์ตโฟลิโอทั้งหมดของ AWC ในปัจจุบัน ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ 19 แห่ง กลุ่มศูนย์การค้า 9 แห่ง กลุ่มอาคารสำนักงาน 4 แห่ง และกลุ่มธุรกิจค้าส่ง 2 แห่ง รวม 34 แห่ง และอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการใหม่อีก 15 โครงการ
อ่านเพิ่มเติม
ต่างชาติเข้าไทยปีนี้ ‘ล้านคน’ AWC ขน 19 โรงแรม 6 จังหวัดหนุนเปิดประเทศฟื้นท่องเที่ยว