เซ็นทรัล รีเทล ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกอันดับหนึ่งของประเทศไทย ทั้งในแง่ยอดขายและจำนวนสาขา แต่ในวันนี้ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและสังคม การเติบโตของ “เซ็นทรัล รีเทล” หรือ CRC (Central Retail) จึงมีความท้าทายมากกว่าแค่เติบโตทาง “ธุรกิจ” เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องเป็นผู้นำสำคัญในการขับเคลื่อน Green & Sustainable Retail เพื่อขับเคลื่อนสังคม ภายใต้วิสัยทัศน์ที่ตั้งเป้าให้ CRC เป็น Green & Sustainable Retail รายแรกของวงการค้าปลีกไทย
ต้องเป็นค้าปลีกที่ Net Zero ให้ได้
สำหรับเป้าหมายระยะยาว ทาง CRC ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือที่เรียกว่า Net Zero ให้ได้ภายในปี 2593 อย่างไรก็ตามการก้าวเข้าสู่ Green & Sustainable Retail อย่างครบถ้วน รอบด้าน และยั่งยืน ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเริ่มจากการสร้างความเข้าใจกับทุก stakeholder ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร พนักงาน คู่ค้า พันธมิตรธุรกิจ ไปจนถึงลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องเติบโตตามแนวทาง CSV (Creating Shared Value) เน้นการสร้างคุณค่าร่วมในเชิงคุณภาพให้กับธุรกิจและสังคม เพราะเชื่อว่าการเติบโตทางธุรกิจย่อมจะต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาคนและชุมชน แล้วนั่นจะทำให้เกิดการพัฒนาภายในชาติ รวมทั้งส่งผลดีกับโลกใบนี้ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจค้าปลีกที่ต้องใช้พลังงาน รวมทั้งเกี่ยวพันกับซัพพลายเออร์มากมาย และเพื่อให้เดินไปตามแผนการใหญ่นั้น ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ โดยแผนระยะสั้นที่ต้องบรรลุให้ได้ภายในปี 2573 ประกอบด้วย
– ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% (Reduce Greenhouse Gases)
– สร้างรายได้ให้กับชุมชน 5,400 ล้านบาทต่อปี (Navigate Society Wellbeing)
– ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 100% (Eco-friendly Packaging)
– บริหารจัดการขยะและลดปริมาณขยะอาหาร 30% (Waste Management)
ก้าวต่อไปของ “เซ็นทรัล รีเทล” ในเส้นทางสู่ความยั่งยืน
การขับเคลื่อนของ “เซ็นทรัล รีเทล” เกิดขึ้นภายใต้กลยุทธ์ CRC ReNEW ต้องเดินหน้าลงมือ “ทำ” จริง และได้รับความร่วมมือจากพนักงานไปจนถึงลูกค้าที่ผูกพันกับองค์กรมานาน เพื่อสร้าง Green & Sustainable Retail ร่วมกัน โดยคำว่า ReNEW ในที่นี้ แยกย่อยออกมาได้ ดังนี้
– Reduce Greenhouse Gases ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยพยายามเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาศูนย์การค้าและร้านค้าทั้งในไทยและเวียดนาม ซึ่งจะทำให้เซ็นทรัล รีเทล นำพลังงานแสงอาทิตย์มาทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดได้ถึง 30% ภายในปี 2569
นอกจากนี้ ในกระบวนการโลจิสติกส์ ก็พยายามเปลี่ยนไปใช้ รถ EV ซึ่งมีความท้าทายในเรื่องจุดชาร์จรวมทั้งตัวรถที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ แต่ทาง CRC ก็อาศัยการวางแผนภายใน เพื่อกำหนดเส้นทางให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด เพื่อประหยัดพลังงาน ประหยัดเวลา และทำให้สินค้าถึงมือลูกค้าแต่ละสาขาได้เร็วที่สุด รวมทั้งสาขาที่เปิดใหม่ ๆ ก็เพิ่มจุดชาร์จสำหรับรถยนต์ของลูกค้า กับปรับปรุงตู้เย็นในสาขาให้เป็น Energy saving technology เพื่อลดต้นทุนในระยะยาว
– Navigate Society Wellbeing โครงการที่เชื่อมโยงกับการสร้างสังคมให้น่าอยู่ เมื่อ CRC มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ เป็นผู้นำในการสร้างความเท่าเทียมและสนับสนุนความหลากหลายในสังคม ผ่านการจ้างงานและสร้างอาชีพให้คนพิการ ในปี 2564 จำนวนทั้งสิ้น 438 คน ซึ่งทำให้เกิดการฝึกอาชีพ ที่จะเป็นทักษะติดตัว แล้วยังเพิ่มรายได้ให้กับพนักงานกลุ่มนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนหรือท้องถิ่นผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการจริงใจ Farmers’ Market ที่ครอบคลุม 24 จังหวัด ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรไปแล้ว 24,000 ราย กว่า 624 ชุมชน 6,620 ครัวเรือน ส่งผลให้รายได้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 3 เท่า และสร้างรายได้ให้เกษตรกรต่อปีกว่า 220 ล้านบาท ทั้งนี้ เซ็นทรัล รีเทล ได้เข้าไปมีส่วนทั้งรับซื้อ เปิดตลาด และช่วยแนะนำเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของชุมชนให้ดีขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่ง Know how เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในระยะยาวต่อการพัฒนาสินค้าของคู่ค้ารายย่อยต่อไป
– Eco-friendly Packaging ปี 2564 เซ็นทรัล รีเทล สามารถลดการใช้ถุงพลาสติกได้รวม 160 ล้านใบ นอกเหนือจากแคมเปญลดถุงพลาสติกที่มีอยู่ตลอดปีแล้ว เซ็นทรัล รีเทล ยัง มี Love the Earth ที่ทำแคมเปญรณรงค์ให้ลูกค้าใช้ถุงผ้า ด้วยการแจกถุงผ้าเมื่อยอดซื้อครบตามที่กำหนด ซึ่งถุงผ้าแต่ละปีของแคมเปญต้องบอกว่าดีไซน์เก๋ จนน่าสะสม ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจที่จะพกถุงมาเอง ซึ่งประสบความสำเร็จมาโดยตลอด
ในส่วนของโปรเจ็กท์ Tops Green สโตร์สีเขียวแห่งแรกในไทย ที่ตั้งขึ้นที่เชียงใหม่ เป็นผลมาจากงานวิจัยที่พบว่า “ผู้บริโภครักษ์โลก” หรือ Eco-Actives กำลังเติบโตทั่วโลก โดยปัจจุบันประชากรกลุ่มนี้มีถึง 22% แล้ว นั่นทำให้ CRC เปิดตัวร้านค้าโมเดลใหม่ เน้นตอบแทนสังคมและปั้นคอมมูนิตี้สีเขียวเต็มรูปแบบ ทั้งการเลือกสินค้าเข้ามาขาย รูปแบบการจัดร้าน โปรโมชั่น ไปจนถึงแพ็กเกจจิ้ง
– Waste Management การจัดการขยะมูลฝอย โดยปัจจุบันเซ็นทรัล มีแนวทางในการลดปริมาณการสูญเสียอาหาร (Food Loss) และขยะอาหาร (Food Waste) ตั้งแต่ต้นทาง รวมถึงการส่งต่ออาหารส่วนเกินที่ยังบริโภคได้ให้แก่กลุ่มเปราะบาง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับชุมชนที่ขาดแคลน ได้นำเอาอาหารที่ยังรับประทานได้อยู่ไปใช้ประโยชน์ ส่วนขยะอาหารก็นำไปทำปุ๋ยหมักและผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้ประโยชน์ในชุมชน รวมทั้งพยายามลดปริมาณขยะ เราจึงพบเห็นจุดแยกขยะ หรือเป็นจุดรับรีไซเคิลที่จะนำส่งต่อไปให้กับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญในเรื่องการ Reclycle หรือ Upcycle เพื่อให้ทรัพยากรที่ถูกผลิตขึ้นมาแล้วถูกนำกลับไปใช้ซ้ำ
“เซ็นทรัล รีเทล เริ่มต้นจากการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร และ Mindset ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบ ESG ให้กับพนักงานทุกระดับ พร้อมสอดแทรกเข้าไปในทุกกระบวนการทางธุรกิจ เราได้วาง Road map ในระยะยาว เพราะการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับองค์กรให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องใช้เวลาในการทำอย่างต่อเนื่อง และอาศัยความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน เซ็นทรัล รีเทล ให้ความสำคัญในการส่งต่อเจตนารมณ์นี้ไปยังผู้บริหารรุ่นต่อ ๆ ไป และเราจะเป็นกำลังสำคัญในการทำทุกสิ่งที่สามารถทำได้ เพื่อส่งมอบโลกที่น่าอยู่ให้กับคนเจนเนอเรชั่นต่อ ๆ ไป ” คุณญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว
ทั้งหมดนี้ คือวิสัยทัศน์ของ “เซ็นทรัล รีเทล” ที่มุ่งมั่นตั้งแต่ผู้บริหาร แล้วส่งต่อมายังพนักงาน เพื่อผสานความร่วมมือจากทุกฝ่าย หวังขับเคลื่อน Green & Sustainable Retail จนเป็นแรงจุดประกาย ให้กับองค์กรธุรกิจ และภาคประชาสังคมอื่นๆ ช่วยกันผลักดันความยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมต่อๆ ไป