หลังจากเรียนแพทย์จนกระทั่งเข้าสู่ช่วง Intern ว่าที่คุณหมอกลับค้นพบปัญหาของคนไข้ รวมทั้งความสนใจพิเศษของตัวเองในด้าน “ผิวหนัง” นี่จึงเป็น Passion จุดเริ่มต้นสำหรับ พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล แพทย์ผู้อำนวยการแห่งรมย์รวินท์ คลินิก
แก้ปัญหาผิว ด้วยการทำให้ผิวแข็งแรงตั้งแต่ต้น
คุณหมอฐา – พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล เล่าให้ Brand Buffet ฟังว่า ตั้งแต่ช่วงที่ใกล้จะเรียนจบ ได้รับคำถามจากคนใกล้ตัวมากมายเกี่ยวกับปัญหาผิวพรรณ ซึ่งตัวเองก็ยังหาคำตอบและทางแก้ที่ตรงใจเพื่อช่วยเหลือคนรอบข้างได้ไม่เต็มที่นัก ทำให้คุณหมอตัดสินใจเรียนต่อเฉพาะทางด้านนี้ทันที พร้อมเก็บประสบการณ์จนทำให้รู้จักอินไซต์ของคนไข้ส่วนใหญ่ว่า ล้วนมาด้วย “ปัญหาผิวหนัง” โดยส่วนตัวเองก็อยากช่วยเหลือคนไข้ให้ได้คลายความกังวล และมีความมั่นใจในการดำเนินชีวิต
คุณหมอจึงเริ่มต้นเปิดคลินิก และยังได้ค้นพบหัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน นั่นก็คือ “รมย์รวินท์ คลินิก” จะเน้นการทำให้ผิวแข็งแรงจากภายใน ก่อนที่จะเกิดปัญหา
“ยา” หัวใจสำคัญของการรักษาให้เห็นผล
จากประสบการณ์การทำงานที่คลุกคลีตรวจคนไข้และพบปะกับคนไข้เอง ประกอบกับมีหน้าที่ดูแลและติวเข้มแพทย์ในทีม ให้มี DNA ของรมย์รวินท์ คลินิก คุณหมอคอยย้ำอยู่เสมอว่า ต้องอิงจากความต้องการและความเข้าใจของคนไข้เป็นหลัก ผ่านแนวคิด “For The Better You สวยในแบบที่เป็นคุณ”
“เราต้องถามคนไข้ว่าเขามีความกังวลด้านไหน เราต้องเข้าใจเขา สนับสนุนให้เขาดีขึ้น คำว่าดีขึ้นนี่คือ ในแบบของตัวเองด้วยนะคะ ไม่ใช่ในแบบของคนอื่น ปัจจุบันนี้เราต้องบอกว่า ความมั่นใจจากภายในเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ถ้าหากว่าไปสมัครงาน แล้วมีคน 2 คน ที่มีความพร้อมเท่ากัน โอกาสของคนที่ทำให้เกิด First Impression ได้ อาจจะถูกคัดเลือกมากกว่า ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ทำให้คนไข้ของเรามีความมั่นใจ และมีความงามในแบบของตัวเอง เพื่อส่งเสริมเขา”
ซึ่งหมอฐาก็ยังเข้าใจ “คนไข้” เป็นอย่างดี เมื่อปัญหาหลายอย่างมาจาก “พฤติกรรม” ของคนไข้เอง
คุณหมอเล่าต่ออย่างอารมณ์ดีว่า “หมอไม่ดุนะคะ แต่จะอธิบายให้ฟังมากกว่า บางครั้งคนไข้ก็จะบอกว่า ไม่ได้โดนแดดเลย ทำไมมีฝ้า พอพูดคุยกันอย่างละเอียด ปรากฏว่าเขาขับรถไปรับลูก จอดรถใต้ต้นไม้ หรือบางคนก็นั่งทำงานอยู่โต๊ะติดกับหน้าต่าง ไอแดดก็เข้ามา อะไรอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เราก็ต้องฟังคนไข้ก่อน แล้วค่อยอธิบายเขา ให้เขาเห็นภาพและเข้าใจ จากนั้นจึงแนะนำวิธีเลี่ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ใช้ยา หรือเครื่องมือเทคโนโลยีช่วยเขา”
นอกเหนือจากเรื่องความเข้าใจในพฤติกรรมกับความต้องการของคนไข้แล้ว “เวชสำอาง” เป็นอีกส่วนที่ “รมย์รวินท์” ถือเป็นจุดเด่น เพราะช่วยทำให้สิ่งที่คุณหมอแต่ละท่านให้การรักษาไป ยังคงเห็นผลอยู่ ซึ่งคุณหมอมีความตั้งใจคัดเลือกตัวยาที่ได้ผลลัพธ์ ไม่มีผลข้างเคียง และเข้ากับสภาพผิวคนไทยเป็นหลัก
“โบท็อกซ์” บริการยอดฮิต แต่ต้องเลือกให้คนไข้อย่างเข้าใจจริง
สำหรับบริการยอดฮิตในปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นกลุ่ม ‘ปรับรูปหน้า’ ทั้งหลาย โดยมีการฉีดโบท็อกซ์ หัตถการที่ชื่อคุ้นหูคนไทยมานานเป็นหัวหอกสำคัญ คนไข้ราวๆ 50% เข้าคลินิกความงามก็เพื่อบริการนี้
“ปัจจุบันนี้ โบท็อกซ์ เป็นบริการที่มีคนเข้ามาใช้มากที่สุด ประมาณ 50% เลยค่ะ มีตั้งแต่วัยรุ่นที่รู้สึกอยากจะทำให้กรอบหน้าของตัวเองกระชับขึ้น ไปจนถึงคนอายุ 80 ปี ซึ่งแต่ละคนจะมาจากปัญหาที่แตกต่างกัน เราก็ต้องพูดคุยก่อนว่าต้องการอะไร ทางแก้คืออะไร ให้เขาเข้าใจ”
อย่างไรก็ตาม คุณหมอฐาได้อธิบายเพิ่มเติมให้เข้าใจว่า “โบท็อกซ์” เป็นชื่อทางการค้า เพราะในความเป็นจริงแล้วมีตัวยาชนิดนี้อีกหลายแบรนด์ จากหลายผู้ผลิต ดังนั้นเป็นหน้าที่ของคุณหมอที่จะต้องเลือกสรรผลิตภัณฑ์มาให้เหมาะกับคนไข้มากที่สุด
“วิธีการของเราก็คือ ต้องเลือกตัวยาที่เหมาะกับผิวคนไทยมากที่สุด ต้องติดตามผลว่ามีผลกระทบข้างเคียงไหม สมมุติว่ามีแล้วเราแก้ปัญหาได้ไหม เพราะการฉีดสารเหล่านี้เป็นการฉีดที่ต้องทำซ้ำเป็นระยะๆ เราต้องคำนึงถึงผลในระยะยาวด้วย”
และนี่คือความตั้งใจของ พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล ที่ถึงแม้วันนี้ “รมย์รวินท์ คลินิก” จะมีถึง 24 สาขา และมีบุคลากรอีกกว่า 500 คน แต่คุณหมอก็ยังคงเรียนรู้ อบรม เทรนนิ่ง หาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ รวมถึงยังเข้าใจความต้องการของคนไข้ยุคใหม่ ว่ามีความต้องการอะไร เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ความงามอยู่ตลอดเวลา