หลังมีกระแสข่าวว่ากลุ่มเจมาร์ท (JMART) สนใจลงทุนธุรกิจอาหารและกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับ “สุกี้ตี๋น้อย” ซึ่งเป็นธุรกิจที่ก่อตั้งโดย คุณเฟิร์น นัทธมน พิศาลกิจวนิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด เป็นธุรกิจที่เพิ่งก่อตั้งในปี 2562 ปัจจุบันมีกว่า 40 สาขา ในปี 2564 ทำรายได้ 1,572 ล้านบาท กำไร 148 ล้านบาท
ล่าสุดมีความชัดเจนของดีลนี้ เมื่อคุณเฟิร์น นัทธมน เจ้าของร้านสุกี้ตี๋น้อย มาร่วมงานเปิดตัวแคมเปญสื่อสารการตลาดของกลุ่มเจมาร์ท ภายใต้วิสัยทัศน์ “Technology Investment Holding Company” ประกาศภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ด้วยแนวคิดขับเคลื่อนธุรกิจด้วย “ใจ” โดยขึ้นเวทีร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรธุรกิจกับกลุ่มเจมาร์ท
คุณอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART บอกว่าปี 2565-2566 วางเป้าหมายการลงทุนในธุรกิจใหม่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา 3-4 ราย ในธุรกิจค้าปลีก ไฟแนนซ์ และเทคโนโลยี สัดส่วนการถือหุ้นอย่างน้อย 10%
หนึ่งในธุรกิจที่จะประกาศร่วมทุนในเดือนพฤศจิกายนนี้คือ ธุรกิจอาหาร โดยเจมาร์ท จะเข้าไปช่วยเสริมศักยภาพด้านเงินทุนและเทคโนโลยี เพื่อต่อยอดการเติบโตร่วมกัน
ความสนใจลงทุนในธุรกิจอาหาร เพราะเป็นตลาดแมสที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก (customer base) ที่จะทำให้มีดาต้ามาต่อยอดธุรกิจอื่นๆ ได้ สำหรับดีลธุรกิจต่างๆ ที่กลุ่มเจมาร์ทจะเข้าไปลงทุนร่วมกับพันธมิตรจะมีมูลค่าการลงทุนมีตั้งแต่ ต่ำพันล้านบาทและมากกว่าพันล้านบาท
ในปี 2566 เตรียมงบประมาณลงทุน รวมทั้งดีล M&A จำนวน 20,000-30,000 ล้านบาท ธุรกิจที่เข้าไปร่วมลงทุนเป็นธุรกิจที่มีกำไรอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้กลุ่มเจมาร์ทแข็งแกร่งมากขึ้น
สรุปดีลร่วมทุน “สุกี้ตี๋น้อย” คืบหน้า 95%
แม้กลุ่มเจมาร์ท ยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการในขณะนี้ แต่มีความชัดเจนว่าดีลขยายธุรกิจอาหารที่จะประกาศในเดือนพฤศจิกายนนี้ มีความคืบหน้าแล้ว 95% โดยเป็นการเข้าไปถือหุ้น ในบริษัทบี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจร้าน “สุกี้ตี๋น้อย” ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยสัดส่วนการถือหุ้นได้ แต่เจ้าของเดิม (คุณเฟิร์น นัทธมน) ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นผู้บริหารธุรกิจสุกี้ตี๋น้อยต่อไป
กลุ่มเจมาร์ท สนใจธุรกิจอาหารตลาดแมส การเข้าไปร่วมถือหุ้นต้องการให้ “เจ้าของธุรกิจเดิม” ยังเป็นคนบริหารต่อไป เพราะเจมาร์ท ไม่ได้ถนัดทุกธุรกิจ แต่จะเน้นใช้ศักยภาพของกลุ่มทั้งด้านเงินทุน และเทคโนโลยี เข้าไปช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตเร็วขึ้น
“เราไม่เริ่มอะไรจากศูนย์ มีหลายธุรกิจมาเสนอขายหุ้นให้ แต่หากผู้บริหารเดิมไม่อยู่บริหารต่อก็ไม่ซื้อเช่นกัน” คุณเอกชัย สุขุมวิทยา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าว
แผนการขยายธุรกิจ Food & Beverage (F&B) ที่กลุ่มเจมาร์ทสนใจ คือเป็นแบรนด์ที่คนไทยพัฒนาเอง ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าของจะดูการเงินเป็นหลัก อาจยังไม่ได้วางระบบหลังบ้านตั้งแต่ต้น เจมาร์ทจะเข้าไปช่วยในจุดนี้ได้ ตั้งแต่วางระบบหลังบ้านทั้งหมด การเงิน บัญชี HR เป็นการแชร์ทรัพยากรร่วมกัน ทำให้ต้นทุนการบริหารต่ำลง รวมทั้งสนับสนุนเงินทุนและเทคโนโลยี เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้ในระยะยาว
ปัจจุบันกลุ่มเจมาร์ทมีธุรกิจ F&B ร้านกาแฟแบรนด์ “คาซ่า ลาแปง” (Casa Lapin) และ White Café ในอนาคตเมื่อมีพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ F&B มากขึ้น ก็มีอำนาจต่อรองการเช่าพื้นที่ขยายสาขาแบรนด์ต่างๆ ในเครือได้ ทำให้ต้นทุนการเช่าที่ลดลง
ที่ผ่านมาร้านสุกี้ตี๋น้อย มีการขยายสาขาในคอมมูนิตี้มอลล์ของ “เจเอเอส แอสเสท” ภายใต้แบรนด์ The Jas รวมทั้งคอมมูนิตี้ของกลุ่มพันธมิตรอยู่แล้ว ถือเป็น “แม่เหล็ก” ดึงลูกค้าให้ธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเจมาร์ท
ปัจจุบันร้านสุกี้ตี๋น้อย มีจำนวน 40 สาขา ปี 2566 จะเปิดอีก 50 สาขา วางแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อขยายธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ใหม่และขยายสาขาในต่างประเทศ
จุดเด่นของสุกี้ตี๋น้อย คือเป็นร้านสุกี้บุพเฟ่ต์ ราคา 219 บาท (เดิมราคา 199 บาท) เป็นราคาที่ทุกกลุ่มจับต้องได้ จึงมีลูกค้าจำนวนมาก อีกจุดขายคือเปิดให้บริการตั้งแต่ 12.00-05.00 น.
ตามดูรายได้ “สุกี้ตี๋น้อย” บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด
– ปี 2562 รายได้ 499 ล้านบาท กำไร 15 ล้านบาท
– ปี 2563 รายได้ 1,223 ล้านบาท กำไร 140 ล้านบาท
– ปี 2564 รายได้ 1,572 ล้านบาท กำไร 148 ล้านบาท