ปี 2566 เป็นปีแห่งความหวังสำหรับทุกธุรกิจ ไม่เว้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หลังจากต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 ปะทุมากว่า 2 ปี จนทำรายได้ท่องเที่ยวสูญมหาศาล เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติแทบเป็นศูนย์ โดยครึ่งปีแรกของปี 2564 รายได้จากการท่องเที่ยวหดหายไปถึง 1.30 แสนล้านบาท
แต่ในปี 2566 “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” มองว่า นักท่องเที่ยวอาจจะมากถึง 20 ล้านคน และจะก่อให้เกิดรายได้รวมราว 5-6 แสนล้านบาท ธุรกิจไหนจะฟื้นตัวได้เร็ว มาฟังบทวิเคราะห์เรื่องนี้กันแบบเต็มๆ จากศูนย์วิจัยกสิกรไทย พร้อมปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง เพื่อให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยได้เตรียมกลยุทธ์มัดใจนักท่องเที่ยวให้อยู่หมัดกันอีกครั้ง
คาดปี 2566 ต่างชาติเที่ยวไทยอาจแตะ 20 ล้านคน
หลังจากประเทศไทยเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบเมื่อ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมการท่องเที่ยวไตรมาส 4 ของปี 2565 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ในปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 9.75 ล้านคน และจะเพิ่มเป็น 13-20 ล้านคนในปี 2566 ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมและที่พักจะทยอย “ฟื้นตัว” ต่อเนื่อง โดยกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสฟื้นตัวได้ดีขึ้นคือ กลุ่มที่อยู่ในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวไทย, กลุ่มที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง รวมถึงกลุ่มโรงแรมที่มีรายได้จากการจัดอีเว้นท์และประชุมสัมมนา
ส่วนอัตราการเข้าพักของสถานพักแรมทั่วประเทศ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า น่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ประมาณ 52%-60% จาก 44% ในปี 2565 (ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2565 อัตราการเข้าพักสถานพักแรมทั่วประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 41.21%) แต่ยังต่ำกว่าปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 70.08% โดยพื้นที่ที่ฟื้นตัวดียังเป็นกลุ่มที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวไทยจะมีอัตราการเข้าพักที่สูง เช่น ภาคตะวันตก (เช่น กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี) และภาคเหนือ (เช่น เชียงใหม่ เชียงราย น่าน) เป็นต้น เช่นเดียวกันภาคใต้และกรุงเทพฯ อัตราการเข้าพักสถานพักแรมทยอยปรับตัวดีขึ้น แต่ยังต่ำกว่าปี 2562 โดยเป็นผลจากในพื้นที่มีจำนวนห้องพักที่ค่อนข้างสูง
ขณะที่รายได้ธุรกิจโรงแรมและที่พัก คาดว่า น่าจะอยู่ที่ประมาณ 5-6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีมูลค่าประมาณ 3.8 แสนล้านบาท แต่การฟื้นตัวยังไม่ครอบคลุมทุกตลาด เนื่องจากนักท่องเที่ยวยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่กลับเข้าสู่ระดับปี 2562 ขณะเดียวกันการแข่งขันในธุรกิจของโรงแรมและที่พักที่สูง ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาห้องพักขึ้นได้มากนัก ประกอบกับต้องใช้กลยุทธ์ด้านราคาในการกระตุ้นตลาดต่อเนื่อง ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการสร้างรายได้ อย่างไรก็ดี จากทิศทางตลาดการจัดงานและการประชุมสัมมนาที่ปรับตัวดีขึ้น จะช่วยหนุนรายได้ของผู้ประกอบการ
โรงแรม-ที่พัก ราคาไม่เกิน 3,000 บาท “ฟื้นตัว” เร็วสุด
สำหรับปัจจัยหนุนการฟื้นตัวทางรายได้ของธุรกิจโรงแรมและที่พักในปี 2566 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า มาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยเพิ่มขึน ซึ่งเป็นแรงบวกสำคัญของธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชีย อาทิ มาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ เป็นต้น สำหรับนักท่องเที่ยวจากจีนและยุโรปซึ่งเป็นตลาดหลักในช่วงก่อนโควิด แม้ในปี 2566 คาดว่าจะเพิ่มจากปี 2565 แต่ยังไม่มาก เนื่องจากทางการจีนยังดำเนินนโยบายการควบคุมการระบาดของโรคที่เข้มงวด แม้จะยืดหยุ่นกว่าเดิม (Dynamic Zero-COVID Policy)
ส่วนการเดินทางแบบกรุ๊ปทัวร์อาจจะต้องรอความชัดเจนอีกครั้งในการแถลงนโยบายเศรษฐกิจจีนในเดือนมีนาคม 2566 นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปที่ส่งผลต่อการเดินทาง ท่องเที่ยวต่างประเทศ นอกจากนี้ แม้เงินบาทที่อ่อนค่าลงจะช่วยหนุนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติบางกลุ่ม แต่เงินยูโรและเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเช่นกัน ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนอาจจะไม่เป็นปัจจัยหลักสำหรับการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว
โดยโรงแรมและที่พักที่ฟื้นตัวได้ดีจะเป็นกลุ่มระดับราคาเฉลี่ยไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน เช่น กลุ่ม Economy และ Middle Scale เนื่องจากกำลังซื้อ และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Young Traveler และเดินทางมาคนเดียว ซึ่งมี Budget จำกัด เน้นที่พักตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น ภูเขา อ่างเก็บน้ำ และชายทะเล โดยส่วนใหญ่เป็น 3 รูปแบบที่พัก ได้แก่ Resort/Villa ที่พักชุมชน หรือที่พักที่มีลานกางเต้นท์ การท่องเที่ยวแบบแคมปิ้ง (Camping Tourism) และมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำในที่พักและถ่ายภาพ ซึ่งสอดคล้องไปกับพฤติกรรมการท่องเที่ยว
5 โจทย์ท้าทายผู้ประกอบการ ที่ต้องระวังในปีหน้า
แม้แนวโน้มของธุรกิจโรงแรมและที่พักจะกลับมาฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง แต่การฟื้นตัวยังเปราะบางและในระยะข้างหน้า ยังต้องเผชิญกับโจทย์ท้าทายมากขึ้น ทั้งจากตลาดนักท่องเที่ยวที่ยังมีความไม่แน่นอนและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจหลายอย่าง ได้แก่
- ความเสี่ยงโรคโควิดยังคงอยู่ เป็นข้อจำกัดในการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม เนื่องจากการที่โรคโควิดยังมีการกลายพันธุ์ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดเป็นระลอก ทั้งในและต่างประเทศ
- ความเสี่ยงจากสภาวะเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย และสถานการณ์รัสเซียและยูเครนที่ยังยืดเยื้อ สร้างความเสี่ยงต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2566 รวมถึงเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับหลากหลายปัจจัยลบทั้งปัญหาเงินเฟ้อที่สูง ราคาพลังงานที่ยังมีแนวโน้มผันผวนและปรับตัวขึ้นอีก ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประชาชน ขณะเดียวกันสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนมีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้หลายประเทศในยุโรปยังเผชิญกับปัญหาวิกฤติพลังงานรุนแรงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
- การแข่งขันในภาคธุรกิจโรงแรมและที่พักที่สูง จากแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่เพิ่มขี้นและจำนวนที่พักเปิดใหม่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เป็นแรงกดดันต่อธุรกิจ โดยในปัจจุบันสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติเกิดใหม่มากขึ้น ทำให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยว ขณะที่ธุรกิจยังต้องเผชิญกับสถานที่พักเปิดใหม่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลัก สร้างแรงกดดันในการแข่งขัน โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมและที่พักที่สร้างมานานและอยู่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวจะเสียเปรียบ
- เทรนด์และพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เน้นประสบการณ์ ส่งผลต่อการออกแบบที่พักและการบริการในโรงแรมและที่พัก เช่น นักท่องเที่ยวแสวงหาแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนอยู่ใกล้ธรรมชาติ ซึ่งจะมีผลต่อรูปแบบและทำเลในการพัฒนาตกแต่งโรงแรมและที่พักที่เน้นความเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงการสร้างกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำระหว่างการพักผ่อน
- แนวโน้มต้นทุนทางธุรกิจของผู้ประกอบการปรับตัวสูงขึ้น เช่น ต้นทุนราคาสินค้า พลังงาน รวมถึงต้นทุนทางการเงินอย่างอัตราดอกเบี้ยยังมีทิศทางปรับตัวสูงขึ้น ทำให้การใช้กลยุทธ์ด้านราคามีข้อจำกัดมากขึ้น และอาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของผู้ประกอบการในระยะยาว
จากปัจจัยแวดล้อมดังกล่าว ทำให้ปี 2566 ธุรกิจโรงแรมและที่พักยังมีความไม่แน่นอนสูง ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจึงต้องเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ต่างๆ ตลอดเวลา โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย แนะว่า ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์การตลาดด้วยการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เช่น ในช่วงที่ภูมิภาคยุโรปกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤติพลังงานรุนแรงในฤดูหนาวที่จะถึงนี้ อาจปรับแพ็คเกจที่พักเป็นรูปแบบแพ็คเกจอยู่ยาวเจาะกลุ่มชาวยุโรปที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นตลาดชาวต่างชาติเที่ยวไทย อย่างมาตรการขยายระยะเวลาพำนักในไทย (Long-Term Resident Visa) ควบคู่ไปกับการทำตลาดประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังต้องระมัดระวังในการลงทุน รวมถึงการศึกษาตลาดมากขึ้น ทั้งในเรื่องเทรนด์และความต้องการของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเทรนด์ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและตอบแทนสู่สังคมของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ โดยผู้ประกอบการควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในพื้นที่ที่มี Supply ห้องพักสูง และหากจะลงทุนในพื้นที่ใด ควรศึกษาพฤติกรรมกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไปท่องเที่ยวในแต่ละปี ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงฤดูกาลท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว และถ้าเป็นไปได้ควรเลือกลงทุนในแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพื่อนำข้อมูลมากำหนดรูปแบบที่พัก ขนาดหรือจำนวนของห้องพัก เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการ รวมไปถึงการออกแบบกิจกรรมภายในที่พักที่จะให้บริการนักท่องเที่ยว
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand