adapter digital ผู้นำแถวหน้าธุรกิจเอเจนซี่โฆษณาด้านดิจิทัลและผู้ให้คำปรึกษาด้านการตลาดของไทย เปิดตัว “XSight” แพลตฟอร์มวิเคราะห์ประสิทธิภาพชิ้นงานโฆษณาด้วยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI มาพัฒนาคู่กับการใช้งานเทคโนโลยีตรวจจับพฤติกรรมการมอง (Eye Tracking) และเทคโนโลยีตรวจจับการแสดงออกความรู้สึกบนใบหน้า (Facial Expression Tracking) ของคนดู พร้อมประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์รายวินาทีเพื่อให้แบรนด์ นักการตลาดเข้าใจถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยกระดับงานโฆษณาได้ทันที
XSight คือ แพลตฟอร์มโซลูชันวิเคราะห์ชิ้นงานโฆษณาเชิงลึกที่พัฒนาขึ้นโดย adapter digital ถูกพัฒนาบนแนวคิดการนำศาสตร์ด้านประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience) และการเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมาย (Emotional Intelligence) มาใช้กับเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้แบรนด์ล่วงรู้ถึงอินไซท์ ความรู้สึกที่ผู้บริโภคมีระหว่างรับชมงานโฆษณาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้พัฒนางานโฆษณาให้เป็นที่จดจำ โดนใจผู้รับชม สื่อสารสิ่งที่แบรนด์ต้องการจะถ่ายทอดได้ตรงจุด ทั้งยังเป็นเครื่องมือที่สามารถวัดประสิทธิภาพของงานโฆษณาได้ลึกและละเอียดกว่าเครื่องมือที่มีอยู่ในท้องตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเน้นไปที่ข้อมูลพื้นฐานทั่วไป เช่น ยอดการรับชม อัตราการกดข้าม อัตราการดูจบ อัตราการกดออก ปฏิสัมพันธ์ของผู้ชม หรือการทำ Video Concept Test Research เป็นต้น
นายอรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อะแด็ปเตอร์ ดิจิตอล จำกัด (adapter digital group) กล่าวว่า “หนึ่งในเป้าหมายหลักของ adapter คือการยกระดับและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมโฆษณาไทยด้วย Data, Innovation และ Marketing Technology (MarTech) เพราะเรามีความเชื่อว่าดิจิทัลจะช่วยให้ธุรกิจและแบรนด์สามารถขับเคลื่อนการเติบโตทั้งการสร้างแบรนด์ในยุคดิจิทัล การรับรู้ของแบรนด์และการสร้างยอดขายได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเราก็ได้เห็นแล้วว่าวันนี้ เทคโนโลยีดิจิทัลได้กลายมาเป็นเครื่องมือหลักในการทำการตลาด ตั้งแต่วิธีการสื่อสารไปจนถึงการขายสินค้า แต่ในขณะเดียวกัน วิธีการประเมินหรือการวัดผลจากกลยุทธ์ที่เราใช้ก็จำเป็นจะต้องอาศัยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยด้วยเช่นกันเพื่อให้แบรนด์ นักการตลาดสามารถเข้าใจอินไซท์เชิงลึกของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง”
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ adapter ตัดสินใจพัฒนาและเปิดตัวโซลูชันใหม่อย่าง XSight นวัตกรรมด้านการวัดผลโฆษณาที่จะเข้ามายกระดับการทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาตรวจจับความรู้สึก อารมณ์ จากสีหน้าที่ปรากฏบนใบหน้าของผู้ชมระหว่างรับชมโฆษณา ผสานเข้ากับเทคโนโลยีตรวจจับพฤติกรรมการมอง แล้วนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ผลลัพธ์ข้อมูลเชิงลึก อินไซท์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในสมองของผู้ชมที่มีต่อโฆษณา ซึ่งไม่ได้บอกแค่ยอดการรับชม อัตราการดูจบ ปฏิสัมพันธ์ของคนดู อัตราการกดข้าม อัตราการกดออกจากโฆษณา หรือการทำ Video Concept Test Research เหมือนเครื่องมือที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพราะ XSight จะทำให้แบรนด์มองเห็นทะลุปรุโปร่ง เข้าใจทั้งจุดที่ดีและจุดที่ต้องนำไปปรับปรุงพัฒนาต่อเพื่อให้การสื่อสารตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพที่สุด โดยในปัจจุบัน แบรนด์ชั้นนำในต่างประเทศก็กำลังตื่นตัวในการนำ Neuroscience และ Emotional Intelligence มาใช้วัดประสิทธิภาพของงานโฆษณาเช่นกัน”
สำหรับแพลตฟอร์ม XSight จะประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่ทำงานร่วมกันใน 3 ส่วนหลัก คือ
- เทคโนโลยีตรวจจับการมอง (Eye Tracking): ตรวจจับสายตาของคนดูที่มองไปยังส่วนต่าง ๆ ในฉากหรือซีนที่ปรากฎบนวิดีโอโฆษณา เพื่อให้สามารถระบุได้ว่า ในงานโฆษณาตัวนั้น ๆ คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจสิ่งใดมากที่สุด เช่น สินค้า, นักแสดง หรือเนื้อหา
- เทคโนโลยีตรวจจับการแสดงออกทางอารมณ์ผ่านใบหน้า (Facial Expression Tracking): ตรวจจับอารมณ์ความรู้สึกจากการแสดงสีหน้าของคนดูระหว่างรับชมโฆษณา ซึ่งระบุได้ถึง 6 อารมณ์คือ โกรธ (Angry), เบื่อ (Disgusted), มีความสุข (Happy), เศร้า (Sad), ประหลาดใจ (Surprised) และ หวาดกลัว (Fearful)
- ปัญญาประดิษฐ์ (AI): นำโมเดล AI เข้ามาใช้งานเพื่อตรวจจับอารมณ์มาตราฐานที่ปรากฎบนใบหน้าของคนดู โดยทดสอบกับ Data Set FER2013 ได้ผลลัพธ์ที่ 70% เทียบกับความแม่นยำของคนจริง ๆ ที่ทดสอบโดยใช้ชุดข้อมูลเดียวกัน ได้ผลลัพธ์ที่ 68% ถือว่าเป็นอัตราที่มีความใกล้เคียงกับการใช้คนคัดแยกข้อมูลเลยก็ว่าได้
สำหรับตัวอย่างการใช้ประโยชน์จาก XSight เช่น การใช้งานเพื่อระบุ “Attention Signals Score” เพื่อให้แบรนด์เข้าใจซีน ช่วงเวลาในโฆษณาที่กระตุ้นความสนใจและการรับรู้ของคนได้ดีที่สุด จากการนำค่าเฉลี่ยอารมณ์ร่วมของผู้ชมที่เกิดขึ้นระหว่างชมโฆษณา (Emotion Intensity Score) มารวมเข้ากับซีนที่ผู้ชมพร้อมใจกันมองไปยัง “แบรนด์ / ผลิตภัณฑ์” มากที่สุด (Visual Impact Score) ซึ่งสิ่งนี้ยังสามารถนำมาต่อยอดกับการทำโฆษณาฉบับสั้น หรือ Bumper ads1 ที่มั่นใจได้ว่าจะเป็นการคัดเลือกซีนที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง หรือการนำไปใช้ระหว่างขั้นตอน Double Head2 เพื่อให้ได้งานโฆษณาที่มีคุณภาพ คุ้มค่าต่องบประมาณ ตอบโจทย์ทุกฝ่าย รวมถึงการถอดบทเรียนจากงานโฆษณาทั้งของตัวเองและคู่แข่งเพื่อยกระดับงานโฆษณาให้โดดเด่น แตกต่างจากเดิมในทุก ๆ ครั้ง เป็นต้น
ทั้งนี้ แนวคิดการนำ Neuroscience มาใช้ประโยชน์กับงานโฆษณาหรือที่เรียกรวมว่า “Neuromarketing” ถือเป็นประเด็นที่แวดวงนักการตลาดจำนวนมากให้ความสนใจมาสักระยะแล้ว โดยที่ Harvard Business Review3 ได้ระบุเอาไว้ว่า การนำเทคโนโลยีและหลักคิดดังกล่าวมาผสานการทำงานร่วมกันจะช่วยให้แบรนด์ นักการตลาดเข้าถึง “ข้อมูลอินไซท์” ที่แท้จริงของผู้บริโภคได้ ทั้งยังสกัดข้อมูลเชิงลึกได้ต่างจากวิธีการเดิม ๆ โดยเฉพาะการจับคู่เทคโนโลยีตรวจจับการมอง Eye Tracking เข้ากับการแสดงอารมณ์ความรู้สึกบนใบหน้า Facial Coding (Facial Expression) ที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนางานคอนเทนท์เชิงสร้างสรรค์โดยตรง
ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เคยมีรายงานข่าวที่เปิดเผยว่า ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมบันเทิงฮอลลีวูดอย่าง Disney ก็เคยนำเทคโนโลยี AI และ Deep-learning เข้ามาใช้ในงานวิจัยเพื่อการจำแนกสีหน้า อารมณ์ความรู้สึกของผู้ชมภาพยนตร์อนิเมชันของพวกเขาแบบเรียลไทม์มาแล้ว4 เพื่อให้สามารถนำไปใช้พัฒนา ยกระดับคอนเทนท์ที่ผลิตขึ้นมา ทั้งยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความบันเทิงในสวนสนุก ธีมปาร์กได้อีกด้วย