เดินหน้ากลยุทธ์เพื่อสร้างความหลากหลายอย่างต่อเนื่อง สำหรับเจ้าแห่งไอศกรีมซอร์ฟเสิร์ฟอย่าง “แดรี่ควีน” หลังเข้ามาทำตลาดครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2539 จนโด่งดังและสร้างชื่อจากไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟอย่าง “บลิซซาร์ด” ไอศกรีมสไตล์มิลค์เชคที่นำไอศกรีมสดมาผสมและเสิร์ฟถ้วยแบบกลับหัว
ล่าสุดได้เปิดตัว “แดรี่ควีน ป๊อป อัพ สโตร์” โมเดลป๊อป อัพ จากแดรี่ควีน แห่งแรกในเอเชีย มีพื้นที่ 80 ตร.ม. ตั้งอยู่บนลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นการต่อยอดโมเดลใหม่ครั้งแรกในรอบ25-26 ปี (ตั้งแต่เข้ามาทำตลาดในไทย) จากปกติที่ แดรี่ควีน มีโมเดลเดียวคือรูปแบบคีออสในห้างสรรพสินค้า 500 สาขาในปัจจุบัน
โดย “แดรี่ ควีน ป๊อป อัพ สโตร์” เป็นการนำกลยุทธ์การตลาดแบบ Experiential Marketing สร้างการเข้าถึงลูกค้า ตัวร้านมีความพิเศษคือการออกแบบและตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นด้วยสีสันสดใส เข้ากับกลิ่นอายของเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
“แดรี่ ควีน ป๊อป อัพ สโตร์” แห่งแรกในเอเชีย ใจกลางเซ็นทรัลเวิลด์
เมนูในร้านมีกิมมิกสุดพิเศษกับคาราวานเมนูไอศกรีมไฮไลต์ ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่ ป๊อป อัพ สโตร์ เท่านั้น ได้แก่ เมนู Overload Sunday และ Overload Blizzard ให้ลูกค้าสามารถครีเอทไอศกรีมได้ด้วยตัวเอง ด้วยการเลือกหน้าท็อปปิ้งได้ถึง 20 ชนิด เฉพาะที่นี่ที่เดียวและยังมีเมนูต่างๆ ตั้งแต่เมนูซันเดย์ ไปจนถึงโคนต่างๆ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 79-149 บาท
เมนู Overload Sunday และ Overload Blizzard ที่ให้ลูกค้าสามารถ D.I.Y. เองได้
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษ ให้ลูกค้าได้ Interactive และ ตู้ AI Interaction ที่สามารถตอบโต้กับผู้ใช้งานได้แบบเรียลไทม์ ทั้งหมด 3 ตู้ ทั้ง ร้องเพลง เต้น และกิจกรรมลิ้นพันกัน (อ่านปาก) ให้ลูกค้าได้ร่วมสนุก และยังมี ตู้กาซาปอง ให้ลูกค้าสามารถร่วมลุ้นรางวัลและนำมาแลกเหรียญโทลเค่นได้
เป้าหมายคือต้องการสร้าง ไฮเปอร์เอ็นเกจเมนต์ แบบ Always two-way engagement ให้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ครอบคลุมมากที่สุด จึงเลือกตั้งป๊อป อัพ สโตร์ ในช่วงปลายปีเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลากหลายทุกช่วงวัย โดยมองภาพแบรนด์เหมือน เซเว่น-อีเลฟเว่น ที่เติบโตไปกับลูกค้าโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หรือเป็นทางเลือกให้ลูกค้าทุกช่วงวัย
หลังนำร่องเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย.65 ที่ผ่านมา ปัจจุบันทราฟฟิกแตะระดับ 1,000 คนต่อวัน โดยลูกค้าหลักที่เข้ามาอายุ 20 ปีปลายๆ ไปจนถึง 30 ปี ปลายๆ แบ่งเป็นคนไทย 50% และต่างชาติ 50% อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เป็นต้น โดยลูกค้า 70% ที่มาซื้อไอศกรีมแดรี่ควีนเป็นผู้หญิง นับว่าเป็นทราฟฟิกที่น่าพอใจ หรือมีลูกค้าเพิ่ม 250% ในช่วงจัดกิจกรรม
มุมกิจกรรมสนุกๆที่ให้ลูกค้าได้ร่วมกิจกรรม
คาดว่าในช่วงปลายปีลูกค้าน่าจะเพิ่มขึ้น 50% และเพิ่มเป็น 2 เท่า ในช่วงคริสต์มาส และวันที่ 29-30 ธ.ค.2565 ซึ่งเป็นช่วงเพรสทีจ โดยโมเดลดังกล่าวจะเปิดให้บริการจนถึง 30 ธ.ค.65
การแตกโมเดลดังกล่าวเป็นการลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจ ด้วยการเพิ่มทางเลือก รองรับการแข่งขันในธุรกิจให้หลายหลายขึ้น หากยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ทาง แดรี่ควีน มีแผนขยายสาขา ป๊อป อัพ สโตร์ ต่อไปในอนาคต โดยปัจจุบันแดรี่ควีน สามารถสร้างยอดขายได้เป็น Top 5 ให้แก่เครือไมเนอร์ฟู้ด
อ่านเพิ่มเติม