ดีป้า (depa) ร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชนเผยความสำเร็จของ eatsHUB บริการ Food Delivery สัญชาติไทยภายใต้โครงการ National Delivery Platform หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน eatsHUB ได้ขยายบริการไปแล้วถึง 18 จังหวัด มียอดผู้ลงทะเบียนเข้าใช้แพลตฟอร์มกว่า 600,000 ราย และมียอดเข้าใช้งานมากกว่า 10 ล้านครั้ง คาดเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 500 ล้านบาท
สำหรับการเติบโตของ eatsHUB อาจเรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง เห็นได้จากการที่ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ดีป้าเผยว่า eatsHUB ได้เปิดให้บริการแล้วถึง 18 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ นครสวรรค์ พิษณุโลก นครศรีธรรมราช เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต สงขลา ชลบุรี จันทบุรี ระยอง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี และนครพนม
ทั้งนี้ ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวว่า การบุกตลาดต่างจังหวัดถือเป็นตัวช่วยที่ร้านค้าในท้องถิ่นต้องการ เนื่องจาก eatsHUB มีการเก็บค่าจีพีที่ต่ำกว่าแพลตฟอร์มต่างชาติ โดยอยู่ที่ 8 – 10% ทำให้ร้านค้ามองว่า เป็นทางเลือกในการเพิ่มรายได้
ด้านคุณธีระพงษ์ ลิมป์ประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ฟู้ด ออเดอรี่ จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จังหวัดที่มีการใช้งาน eatsHUB มากที่สุดคือ ชุมพร, เพชรบุรี และพระนครศรีอยุธยา ส่วนค่าเฉลี่ยในการสั่งสินค้าต่อครั้งนั้นอยู่ที่ ไม่เกิน 200 บาท โดยผู้ใช้งานหนึ่งรายมีการสั่งสินค้าเฉลี่ย 20 ครั้งต่อเดือน และทางแพลตฟอร์มมีคนเข้าใช้งานรายเดือนอยู่ที่ 100,000 คน
ในส่วนของไรเดอร์ หรือพนักงานส่งสินค้านั้น พบว่าปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 3,000 ราย ซึ่งทางผู้บริหารฟู้ด ออเดอรี่เผยว่า ในกรณีที่ไรเดอร์ทำงานกับแพลตฟอร์มเกิน 3 เดือนจะเริ่มมีสวัสดิการให้ เช่น ประกันอุบัติเหตุ
ขณะที่ร้านค้าบนแพลตฟอร์มตามการเปิดเผยของ ผศ.ดร.ณัฐพล พบว่ามีแล้วกว่า 25,000 แห่ง โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ นั่นคือ ร้านสตรีทฟู้ด 50% (ร้านหมูทอดเจ๊จงอยู่ในกลุ่มนี้) กับร้านแบรนด์ขนาดใหญ่อีก 50%
พบคนสั่งอาหารผ่านแอปเกือบ 100%
สำหรับตอนเปิดตัว หนึ่งในฟีเจอร์ที่ eatsHUB บอกว่าแตกต่างจากคู่แข่งคือการมีคอลเซนเตอร์คอยช่วยรับออเดอร์อาหาร เผื่อในกรณีที่ผู้สั่งอาหารเป็นผู้สูงอายุ ไม่สะดวกใช้งานแอปพลิเคชัน อย่างไรก็ดี ในการแถลงข่าวครั้งนี้ ผู้บริหาร eatsHUB เผยว่า การสั่งอาหารเกิดขึ้นผ่านแอปพลิเคชันเกือบ 100% แล้ว
ตั้งเป้าปี 2566 เปิดให้บริการครบ 77 จังหวัด
ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวต่อไปด้วยว่า ทางแพลตฟอร์มมีแผนจะให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดภายในปี 2566 โดยตั้งเป้ามีร้านอาหารร่วมให้บริการในแพลตฟอร์ม 50,000 ร้าน และมีประชาชนลงทะเบียนเข้าใช้แพลตฟอร์มมากกว่า 1,000,000 ราย มียอดการเข้าใช้งานไม่น้อยกว่า 20,000,000 ครั้ง สร้างอาชีพพนักงานรับส่งอาหารกว่า 6,000 ราย และก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1,000 ล้านบาท
ด้านคุณธีระพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มีแผนจะเปิดให้ภาคเอกชน เช่น ตลาดที่สนใจนำโครงการ eatsHUB ไปใช้เองได้ (สามารถเปลี่ยนชื่อได้ตามที่ต้องการ) รวมถึงขยายบริการอื่น ๆ เข้ามาในแพลตฟอร์มในลักษณะของ SuperApp เช่น การจำหน่ายวัตถุดิบจากผู้ผลิตไปสู่ร้านค้าและผู้บริโภคได้โดยตรง บริการด้านการท่องเที่ยว บริการด้านสาธารณสุข ฯลฯ