ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำไปไกล แค่มีสมาร์ทโฟนหรือโน้ตบุ๊กสักเครื่อง เราก็สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ออฟฟิศ ส่งผลให้แนวคิด “การทำงานจากระยะไกล” หรือ “Remote Working” และการทำงานแบบ “Hybrid Working” ที่พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) สลับกับการเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ เริ่มมีบางองค์กรนำมาใช้ในการทำงานกันมากขึ้น
แม้โควิด-19 จะคลี่คลายลง แต่หลายองค์กรยังนำแนวคิดนี้มาใช้ในการทำงานต่อไป ดังเช่น “กรุงศรี คอนซูมเมอร์” ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ได้ปรับการทำงานมาเป็น “Flexi Workplace” เพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์การทำงานคนรุ่นใหม่ เพื่อให้พนักงานมี Work-Life Balance/ Work-Life Integration มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี พร้อมมีการวางแผนพัฒนาทักษะการทำงานให้กับพนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ ๆ ที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งรูปแบบการทำงานใหม่นี้จะเป็นอย่างไร Brand Buffet พามาศึกษากัน
เมื่อโลกการทำงานถูก Disrupt รูปแบบการทำงานต้อง Flexible
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาพลักษณ์ที่ชัดเจนของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคือ การเป็น “องค์กรแห่งนวัตกรรม” (Innovation Culture) ที่มุ่งสร้างสรรรค์นวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ ๆ มาเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง “องค์กรแห่งนวัตกรรม” ของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ไม่ได้หมายความแค่การคิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้แตกต่าง เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการพัฒนา “คน” ให้สามารถปรับตัวและยกระดับความสามารถให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอด้วย เพราะเชื่อว่า ‘คน’ เป็นทรัพยากรสำคัญที่ก่อให้เกิดไอเดียและพัฒนานวัตกรรมทางการเงินที่ตอบความต้องการของผู้บริโภคได้
ที่ผ่านมา กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะเดิม และเพิ่มเติมทักษะใหม่ให้บุคลากรมีความรู้รอบด้าน ผ่านหลักสูตรต่าง ๆ รวมถึงปลูกฝังคนให้มี ‘Digital Mindset’ เพื่อรองรับกับโลกยุคดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งผู้บริหารมองว่า “การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน” เป็นอีกสิ่งที่ละเลยไม่ได้เช่นกัน โดย คุณอุณา วัชโรบล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารทรัพยากรบุคคล กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ให้เหตุผลว่า เพราะทุกวันนี้ไลฟ์สไตล์คนทำงานเปลี่ยนไปจากเดิมมาก การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงานจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดี ทำให้พนักงานมีความสุข สนุกกับการทำงาน และนำมาสู่การพัฒนานวัตกรรมทางการเงินที่ตรงใจลูกค้า จึงเป็นที่มาของการปรับรูปแบบการทำงานใหม่
คุณอุณา บอกว่า วิถีการทำงานรูปแบบใหม่ของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เป็นการทำงานที่มีความยืดหยุ่น ภายใต้แนวคิด ‘Flexi Workplace, Flexi Work-Life ’ โดยนำรูปแบบ Remote Working และ Hybrid Working มาใช้ในการทำงาน โดยแบ่งพนักงานเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเป็นพนักงานซึ่งมีลักษณะงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลและการให้บริการลูกค้าและยังคงต้องทำงานที่ออฟฟิศเป็นหลัก และกลุ่มที่ 2 คือ พนักงาน Hybrid Work ที่ลักษณะงานมีความเหมาะสมจะทำได้ทั้งที่ออฟฟิศหรือที่บ้าน มากำหนดสัดส่วนการมาทำงานที่ออฟฟิศสลับกับการทำงานจากที่บ้านตามความเหมาะสม
“เราเริ่มทดลองการทำงานแบบ Remote Working ในช่วงที่เกิดโควิด-19 แต่วัตถุประสงค์ตอนนั้น เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย และสามารถให้บริการลูกค้าโดยไม่มีสะดุด ซึ่งในช่วงแรกของการทำงานรูปแบบนี้ พนักงานตื่นเต้นมาก เพราะหลายคนรอคอยมานาน จึงเป็นช่วงที่ทุกคนเรียนรู้การทำงานแบบใหม่ควบคู่ไปกับเก็บฟีดแบ็กพนักงาน โดยผลสำรวจล่าสุดพบว่า ร้อยละ 81 ของพนักงาน/หัวหน้างานสามารถบริหารจัดการเวลาทำงานและเวลาส่วนตัวได้ดีขึ้น, ร้อยละ 80 ของพนักงาน/หัวหน้างานเห็นว่าการทำงานแบบ Remote Working สร้างประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น และร้อยละ 83 ของพนักงาน/หัวหน้างาน รู้สึกภาคภูมิใจในองค์กร” คุณอุณา บอกถึงประสิทธิผลของการทำงานรูปแบบใหม่ในช่วงแรก
ต่อยอดการทำงานสู่ Flexi Workplace เต็มรูปแบบ ให้พนักงานใช้ชีวิตและทำงานอย่างมีความสุข
หลังจากทดลองทำงานแบบ Remote Working มาระยะหนึ่ง จนพบว่าสามารถสร้างประสิทธิภาพการทำงานไม่แพ้การทำงานแบบเดิม และคุณภาพการให้บริการลูกค้ายังได้มาตรฐาน “กรุงศรี คอนซูมเมอร์” จึงนำฟีดแบ็กของพนักงานมาพัฒนารูปแบบการทำงานให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของพนักงาน พร้อมทั้งตัดสินใจปรับวิถีการทำงานมาเป็นแบบ Flexi Workplace, Flexi Work-Life อย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อให้พนักงานได้ใช้ชีวิตส่วนตัวและทำงานอย่างมีความสุข (Work-Life Integration) เพราะมองว่าเมื่อคนทำงานมีความสุข ไอเดียใหม่ ๆ และประสิทธิภาพของงานก็จะดีตามไปด้วย
แม้จะเป็นองค์กรนวัตกรรมที่ขยับปรับตัวได้เร็ว แต่คุณอุณา บอกว่า การปรับวิถีการทำงานเป็นแบบ Remote Working ไม่ได้ง่าย เพราะไม่ใช่แค่มีนโยบาย แล้วทุกคนจะปรับเปลี่ยนการทำงานทันที เนื่องจากกรุงศรี คอนซูมเมอร์ มีพนักงานกว่า 5,000 คน กระจายอยู่ทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีเกือบทุกเจนเนอเรชั่น มากที่สุดคือ Gen Y และ Gen Z มีสัดส่วนกว่า 70% ซึ่งแต่ละ Gen มีพฤติกรรมแตกต่างกัน โดยคน Gen Y และ Z เป็นคนรุ่นใหม่ที่โตมากับเทคโนโลยีดิจิทัล สื่อสารรวดเร็ว และมีความชัดเจนในการทำงาน ในขณะที่คน Gen X และ Baby Boomer อาจจะต้องการคำแนะนำ เรียนรู้ และปรับตัวในการใช้เทคโนโลยี จึงต้องเข้าใจคนทำงานทุกกลุ่มและต้องใช้เวลาในการปรับ
โดยสิ่งที่ทำให้กรุงศรี คอนซูมเมอร์ สามารถปรับการทำงานมาสู่ Remote Working Company อย่างมีประสิทธิภาพนั้น คุณอุณา บอกว่า ‘ระบบการสื่อสาร’ เป็นหัวใจสำคัญมาก โดยองค์กรมีการปรับระบบการสื่อสารเป็นออนไลน์ทั้งหมด พร้อมๆ กับนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการทำงาน ขณะเดียวกัน หัวหน้างานและผู้บริหารก็ต้องมีความเข้าใจและเชื่อใจในบุคลากรด้วย จึงทำให้พนักงานปรับตัวกับการทำงานรูปแบบใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
เคล็ดลับมัดใจ “คน” กรุงศรี คอนซูเมอร์
แม้จะอยู่ในแวดวงการบริหารคนมากว่า 20 ปี และมีประสบการณ์ด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงมามากมาย แต่ คุณอุณา ยอมรับว่า การบริหารคนทุกวันนี้ “ท้าทาย” กว่าในอดีตมาก ไม่ใช่เพราะคนทำงานยุคนี้มีไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป แต่ยังมาจากสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป มีอาชีพใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้แรงงานรุ่นใหม่มีความต้องการในอาชีพไม่เหมือนเดิม เช่น อยากเป็นเจ้าของกิจการ เป็น Youtuber เป็น Influencer เป็นต้น ในขณะเดียวกันองค์กรเองก็มีงานใหม่ ๆ เกิดขึ้นเหมือนกัน เช่น Data Scientist, Data Steward, UX, UI เป็นต้น รวมทั้งวิถีการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป ก็สร้างความท้าทายในการมัดใจพนักงานให้อยู่กับองค์กรไปนาน ๆ ด้วย
ดังนั้น งานพัฒนาคนจึงหยุดนิ่งไม่ได้ และต้องปรับตัวตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างองค์กร การวางแผนอัตรากำลัง รูปแบบการจ้างงาน การปรับกลยุทธ์ในการสรรหาและคัดเลือกบุคคลากร โดยเฉพาะทักษะใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยมีคนที่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อนในตลาดแรงงาน องค์กรยิ่งต้องคาดการณ์และพัฒนาทักษะบุคคลากรภายในให้มีความเข้าใจ และเกิดความเชี่ยวชาญในทักษะใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว พร้อม ๆ กับสร้างพื้นที่เสมือนจริงให้พนักงานได้เข้ามามีส่วนร่วมและพูดคุยกัน เพื่อให้พนักงานได้รับประสบการณ์ที่ดีในการทำงานด้วย
คุณอุณา ยังบอกว่า พฤติกรรมคนทำงานยุคใหม่มีความต้องการแตกต่างกัน ส่งผลให้ทุกวันนี้แค่ผลตอบแทนที่ดีอย่างเดียวไม่พอที่จะมัดใจคนทำงานยุคใหม่ให้อยากอยู่กับองค์กรยาวนานอีกต่อไป โดยวิธีมัดใจคนของ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะเน้น 2 เรื่องคือ การสร้างการเติบโตในสายอาชีพ และการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ในการทำงาน เพราะมองว่า 2 สิ่งนี้จะสร้างแรงดึงดูดใจในการทำงาน และทำให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุข
โดยแนวทางการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานนั้น กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ได้พัฒนาโปรแกรม “Blended Learning” ขึ้นมา ซึ่งเป็นวิธีการเรียนรู้แบบผสมผสานผ่านการเรียนออนไลน์ การฝึกอบรมในห้องเรียน และการเรียนรู้จากโค้ชทั้งภายในและภายนอก หรือเพื่อนร่วมงาน พร้อม ๆ กับการนำโจทย์จากการทำงานมาฝึกปฏิบัติให้ทดลองทำจริง ทำให้พนักงานสามารถพัฒนาทักษะตนเองได้เพิ่มขึ้นหลังจบบทเรียน ขณะที่องค์กรเองก็สามารถต่อยอดนำผลงานของพนักงานไปใช้งานได้จริง ควบคู่ไปกับการสรรหาหลักสูตรใหม่ ๆ และพัฒนาช่องทางการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบที่จะช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงและพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น e-Learning, Digital Learning Platform, eBook และ Virtual Class Room รวมถึงให้พนักงานทุก Gen ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาทักษะผ่านการสำรวจการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อนำมาออกแบบการพัฒนาทักษะให้ตอบความต้องการของพนักงานทุกระดับได้อย่างตรงจุด
“เราเปิดกว้างให้พนักงานทุกคนสามารถคิดและนำเสนอไอเดียในมุมที่ต่างออกไป รวมถึงผลักดันให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างพนักงานด้วยกัน หรือพนักงานกับผู้บริหาร ทั้งยังเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้สร้างสรรค์ผลงานด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้จากการลงมือทำ และนำไปสู่ผลสำเร็จในหน้าที่การงาน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการจัดการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะใหม่ ๆ ในการทำงานให้กับพนักงานอย่างต่อเนื่อง”
ส่วนทักษะสำคัญที่คนทำงานยุคนี้ ไม่ว่าจะสายงานไหนต้องมี คุณอุณามองว่า อย่างแรกเลยคือ Growth Mindset หรือความเชื่อในศักยภาพตัวเองว่าเรียนรู้ได้ เปลี่ยนแปลงได้ อย่างที่สองคือ Resilience ความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ล้มแล้วลุกได้เร็ว และสุดท้ายคือ ความสามารถในการใช้ Data หรือ ข้อมูลจึงสำคัญมาก ตั้งแต่การเรียนรู้ ทำความรู้จักข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล การบริหารจัดการข้อมูล กระทั่งนำข้อมูลมาใช้ในเชิงวิเคราะห์ หรือทำนายพฤติกรรมลูกค้าในอนาคตได้แม่นยำ นั่นเพราะโลกธุรกิจทุกวันนี้แข่งขันรุนแรง และทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หากพนักงานมีทักษะเหล่านี้จะช่วยให้มอง “อุปสรรค” เป็น “โอกาส” ที่จะได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ และรู้จักนำข้อมูลที่มีอยู่มาต่อยอดให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานยิ่งขึ้น
จากการให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเติมทักษะใหม่ ๆ และสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี จึงทำให้ “คน” กรุงศรี คอนซูเมอร์ สามารถปรับตัวรับมือกับทุกคลื่นการเปลี่ยนแปลงและทำให้องค์กรแห่งนี้เติบโตคู่คนไทยมายาวนานจนถึงทุกวันนี้อย่างไม่ต้องสงสัย