แม้ล่าสุดบิ๊กเนมเทคโนโลยี “ทิม คุก” ซีอีโอแอปเปิล ออกมาพูดถึง Metaverse ว่ายังไม่แน่ใจว่าคนทั่วไปมีความเข้าใจอย่างไรและเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่น่าจะต้องการใช้เวลามากนักบนโลกเสมือน แต่ “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” ผู้จุดกระแส Metavers ยังคงเดินหน้าต่อไป
แต่ความเคลื่อนไหวสำคัญของโลกการตลาด หลังจากเปิดตัวหนังสือ Marketing 5.0 ไปเมื่อปี 2564 ปรมาจารย์ด้านการตลาดระดับโลกหรือบิดาการตลาดสมัยใหม่ Philip Kotler และนักเขียนอีก 2 คน คือ Hermanwan Kartajaya และ Iwan Setiawan ชาวอินโดนีเซีย ได้เตรียมเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ Marketing 6.0 ในปี 2566 ที่ว่าด้วยเรื่อง Marketing in the Metaverse
ย้อนการตลาด 1.0 ถึง 5.0 ต่างกันอย่างไร
หากพูดถึงเรื่อง “มาร์เก็ตติ้ง” ก็คือการเข้าใจลูกค้าและมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อพัฒนาสินค้าตอบสนองความต้องการ แต่ละยุคของการตลาดก็แตกต่างกันไป ย้อนดูแนวคิดการตลาดในแต่ละยุค
การตลาด 1.0 Product Centric เป็นการทำตลาดโดยใช้ สินค้าเป็นศูนย์กลาง ความสำคัญจึงอยู่ในฝั่งผู้ผลิตสินค้า คนออกแบบ วัตถุดิบ คนควบคุมคุณภาพสินค้า อยู่บนแนวคิดที่ว่า “ของดียังไงก็ขายได้” แต่คำถามคือ แค่คุณภาพเพียงพอจริงหรือ
การตลาด 2.0 Customer Centric การเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ดูว่าลูกค้าต้องการอะไร ค้นหาความต้องการแท้จริงของลูกค้า ก่อนที่จะไปพัฒนาสินค้า
การตลาด 3.0 Human Centric อย่ามองลูกค้าเป็นลูกค้า ให้มองลูกค้าเป็นมนุษย์ รวมถึงดูแลสังคมไปพร้อมกัน Marketing 3.0 บอกว่าการทำธุรกิจที่ดีต้องใช้เรื่อง Human Centric
การตลาด 4.0 Marketing Technology Centric ใช้เทคโนโลยีทางการตลาดเพื่อความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ Marketing 4.0 ที่ก้าวสู่โลกดิจิทัล จึงให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีทางการตลาด
การตลาด 5.0 Technology for Humanity การใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าใจมนุษย์และพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น เป็นการตลาดที่สามารถสร้างความยั่งยืนให้กับสังคม เป็นการรวมกันของ Marketing 3.0 และ Marketing 4.0 โดยศึกษาว่าเทคโนโลยีอะไร ที่จะทำให้สังคมและการตลาดดีขึ้น
หากดูใจความสำคัญของ Marketing 5.0 คือเรื่อง Technology for Humanity การอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยี โดยที่มนุษย์นำเทคโนโลยีมาช่วย enable สิ่งต่างๆ ในด้านธุรกิจและการตลาด ส่วนหนังสือ Marketing 6.0 จะตอกย้ำถึงการมาของ Metaverse ที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ
ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า Iwan Setiawan หนึ่งในผู้ร่วมเขียนหนังสือ Marketing 6.0 ได้ออกมาอัพเดทว่าเตรียมจะเปิดตัวหนังสือในปี 2566 สาระสำคัญคือเป็นการตลาด ที่ว่าด้วย Offline in Online หรือ Marketing in the Metaverse จากเดิมที่เป็น Offline and Online
หากย้อนไปถึงหนังสือ Marketing 4.0 กับเรื่อง “ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง” ในปี 2560 ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงออฟไลน์ ขณะนั้นก็มีความคิดเห็นว่าการตลาดยังไม่น่าจะไป “ออนไลน์” มากนัก เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคยังอยากพบปะกัน ซื้อสินค้าจากสโตร์
ว่ากันว่า การตลาด 6.0 Marketing in the Metaverse ก็จะเหมือนกัน คือปัจจุบันคนยังไม่เชื่อว่า Metaverse จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ แต่เป็นสิ่งที่ผู้เขียนหนังสือ Marketing 6.0 เชื่อว่ามาแน่ๆ
Metaverse ในมุมการตลาดคือ Offline in Online Channel
หลังจากดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น การตลาด 6.0 Marketing in the Metaverse จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงของ “ออมนิ แชนแนล” สู่ “เมตาเวิร์ส มาร์เก็ตติ้ง”
Metaverse ในมุมการตลาด คือ Offline in Online Channel ที่มาจากพื้นฐานออฟไลน์ และนำออนไลน์เข้ามาทำการตลาดกับ “อวตาร” ของแต่ละคนที่อยู่ในโลกออนไลน์ด้วย เช่น หากในโลกจริงเราซื้อรองเท้าไนกี้ หรือ อาดิดาสใส่ ก็สามารถซื้อรองเท้าแบรนด์เดียวกันให้อวตารของเราใส่ในโลก Metaverse ได้ด้วย เป็นการซื้อสินค้าทั้งในโลกจริงและโลกเสมือน
ต่อไปเราอาจแยกไม่ออกว่าสิ่งไหนคือ ออฟไลน์และออนไลน์ และอาจใช้เวลาอยู่ในโลกออนไลน์มากกว่า จากเดิมที่ไถฟีดดูโซเชียลมีเดีย อวตารในโลกเสมือนก็ใช้เวลา พูดคุย ซื้อของ หรือทำธุรกิจในโลก Metaverse
เมื่อใช้ชีวิตในโลกออนไลน์มากขึ้น อวตารของเราจะเรียนรู้ผ่าน AI และคิดเองได้ อาจคิดไม่เหมือนเราในโลกจริง อวตารความเป็นตัวตนของเราจะคิดอะไรใหม่ๆ ทำเรื่องใหม่ไปได้เรื่อยๆ ที่สำคัญจะอยู่เป็นอมตะไม่มีวันตาย Metaverse จึงเป็นโลกที่จะเปลี่ยนแปลงไปอีกเยอะมากนับจากนี้
โลก Metaverse จะประสบความสำเร็จได้มาจากการมีเทคโนโลยีหลากหลายนำมาใช้ร่วมกัน เริ่มจาก IoT อุปกรณ์ต่างๆใช้เชื่อมกับอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิง (AI) Blockchain ช่วยเก็บข้อมูล 3D Creation สร้างสิ่งที่อยู่ในโลกจริงให้อยู่ในโลกเสมือน VR และ AR ทั้งหมดเป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นแล้ว วันนี้จึงอยู่ที่การหลอมรวมเทคโนโลยีทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพื่อทำให้เกิดเป็นโลก Metaverse ซึ่งอยู่ไม่ไกล
นี่คือเหตุผลที่ “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กหรือ Meta และผู้จุดกระแส Metaverse ใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับการสร้างโลกเมตาเวิร์ส เพราะเทคโนโลยีทำให้โลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และใครทำได้ก่อนจะสำเร็จก่อน
ในโลกการตลาดจึงต้องจับตา “การตลาด 6.0 Marketing in the Metaverse” เพราะการใช้ชีวิตของ “อวตาร” แต่ละคนในโลกเสมือนแตกต่างจากโลกจริง นักการตลาดและแบรนด์จึงต้องเข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและเรียนรู้การทำการตลาดในโลก Metaverse ที่จะเกิดการซื้อขายสินค้าไม่ต่างจากโลกจริงและเป็นตลาดใหม่ที่มีขนาดใหญ่มาก
ในโลกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ความรู้เดิมทางการตลาด อาจไม่สามารถใช้ได้ จึงเกิดเป็น “การตลาด 6.0 Marketing in the Metaverse” ดังนั้นการรู้เร็ว รู้ก่อน ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จก่อน
อ่านเพิ่มเติม