ท่ามกลางกระแสความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก และความผันผวนของตลาดพลังงาน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ เป็นอีกหนึ่งบริษัทพลังงานที่ยังคงสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในเวทีระดับโลก ขยายการเติบโตครอบคลุม 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ที่มีการส่งเสริมและสนับสนุนกันและกันระหว่างกลุ่มธุรกิจ เชื่อมโยงจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ จากประเทศหนึ่งสู่อีกประเทศหนึ่ง จากกลุ่มธุรกิจหนึ่งสู่กลุ่มธุรกิจที่เหลือ และยังพร้อมเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปู สู่การขยายการเติบโตในอุตสาหกรรมพลังงานด้วยสินทรัพย์ทางธุรกิจมากกว่า 60 แห่ง ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และปัจจุบัน บ้านปูยังก้าวไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่นอกเหนือจากธุรกิจพลังงาน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด (S-Curve) เพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว และสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืน
Banpu Ecosystem ระบบนิเวศทางธุรกิจที่เสริมแกร่งและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันนั้นล้วนมีความท้าทายและได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่างๆ รอบด้าน ในสภาวะ VUCA (Volatility – Uncertainty – Complexity – Ambiguity) ที่มีแต่ความผันผวน ความไม่แน่นอน ความซับซ้อน และความคลุมเครือ ท่ามกลางสิ่งท้าทายเหล่านี้ บ้านปูเป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานที่ยังขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้ระบบนิเวศทางธุรกิจของบ้านปู หรือ Banpu Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ด้วยการเอื้อประโยชน์จากทรัพยากรทั้งภายในและภายนอก และผสานความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจที่ครอบคลุมต้นน้ำสู่ปลายน้ำ โดยธุรกิจต้นน้ำหมายถึงทรัพยากรด้านพลังงานอันถือเป็นต้นทางของการผลิตและพัฒนาพลังงาน อย่างเหมืองและก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจกลางน้ำเป็นการบริหารจัดการ ประกอบด้วย
การจัดการห่วงโซ่อุปทานและการค้า และธุรกิจปลายน้ำ คือการนำทรัพยากรมาพัฒนาเป็นพลังงานพร้อมใช้ ตั้งแต่ ไฟฟ้า พลังงานทดแทน ไปจนถึงการพัฒนาและให้บริการโซลูชันพลังงานฉลาด
Synergy การผสานพลังเพื่อสร้างการเติบโตใน Banpu Ecosystem
บ้านปูได้ผสานการดำเนินงานทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจเสาหลักของบ้านปู ทั้งกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน โดยมีการแบ่งปันทรัพยากร เทคโนโลยี องค์ความรู้ที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน และมองหาโอกาสต่อยอดการลงทุนในประเทศยุทธศาสตร์ของกลุ่มบ้านปู ในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลาย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพที่สุด ดังเช่นการดำเนินธุรกิจในสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มต้นจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติเพื่อเป็นตัวเชื่อมโยงและเสริมพอร์ตพลังงานสะอาดตามกลยุทธ์ Greener & Smarter นำมาสู่การผสานพลังร่วมกับธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า จนสามารถลงทุนและดำเนินงานโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา หนึ่งในศูนย์รวมเศรษฐกิจและประชากรที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วของสหรัฐฯ โดยบ้านปูยังคงสร้างการเติบโตในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องด้วยการลงทุนในแหล่งก๊าซธรรมชาติ XTO เพิ่มในปี 2565 คงสถานะเป็นบริษัทผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุด 20 อันดับแรกของสหรัฐฯ และยังคงใช้ประโยชน์จาก Banpu Ecosystem ในโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐฯ ที่ตอบโจทย์ทั้งพื้นที่และตลาดขนาดใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น บ้านปูยังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานที่ตอบโจทย์เทรนด์พลังงานโลก ทั้งในประเทศออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ธุรกิจแหล่งพลังงานดั้งเดิมที่สำคัญของบ้านปู ด้วยการเพิ่มสัดส่วนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยมีแผนสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่เหมืองในประเทศออสเตรเลีย เป็นการใช้พื้นที่ในแหล่งธุรกิจเดิมให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสามารถสร้างรายได้กลับสู่บริษัท รวมถึงขยายการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็ก (Mini Hydropower) ในอินโดนีเซีย นอกจากนี้ บริษัทลูกของบ้านปูที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศจีนมามากกว่า 20 ปี ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นในมณฑลเจิ้งติ้ง ในการต่อยอดทำโครงการโซลาร์รูฟท็อป ทั้งหมดที่กล่าวไปล้วนเกิดจากการส่งต่อความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานฉลาดของบ้านปู ที่สามารถต่อยอดธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ได้
Knowledge sharing ความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ที่พร้อมถ่ายทอดภายในองค์กร
นอกจากการเชื่อมโยงพนักงานในทุกประเทศให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและมีเป้าหมายเดียวกันแบบ one goal, one team ด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งอย่าง “บ้านปู ฮาร์ท” (Banpu Heart) และการ Upskill & Reskill เพื่อพัฒนาบุคลากรให้พร้อมตอบรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและความท้าทายในธุรกิจพลังงาน ไปจนถึงการสร้าง Talent ใหม่ๆ เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กร บ้านปูยังเตรียมทัพบุคลากรผู้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนองค์กรให้พร้อมรับโจทย์ใหม่ๆ ที่ท้าทายขึ้น ด้วยการจัดตั้งหน่วยงาน Banpu Academy ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล รวมถึงรวบรวมองค์ความรู้ที่สำคัญเป็นคลังความรู้ (Knowledge base) ที่พร้อมนำมาถ่ายทอดภายในองค์กร เพื่อสร้างบ้านปูให้เป็นสถาบันแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง มีการจัดตั้ง Banpu Academy สำหรับสำนักงานประเทศไทยและเริ่มขยายไปยังอินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ในฐานะประเทศนำร่อง เพื่อให้มีการพัฒนาหลักสูตรพัฒนาบุคลากรในทุกระดับ โดยเฉพาะในกลุ่มการเรียนรู้ด้านดิจิทัลที่มีความจำเป็นต่อการเติบโตขององค์กร อาทิ หลักสูตรพัฒนาผู้บริหาร (Banpu Global Leadership Program) ที่นำผู้บริหารในกลุ่มบ้านปูจากทุกประเทศมาเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการทำงานข้ามวัฒนธรรม (Diversity and Inclusion) ทำให้เกิดเครือข่ายระหว่างสายงาน ก่อเกิดเป็นความร่วมมือและการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ รวมถึงการสนับสนุนให้พนักงานฝึกฝนทักษะการคิดเชิงนวัตกรรมและพร้อมปรับตัวก้าวล้ำนำหน้าในทุกการเปลี่ยนแปลงผ่านการทำงานแบบ Working Agility ด้วยนโยบายการหมุนเวียนงาน (Rotation) การทำงานข้ามสายงาน (Cross Functional Working) หรือการทำงานข้ามประเทศ (Cross Country Working) ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้หลากหลายรูปแบบมาอย่างต่อเนื่อง จากระบบนิเวศที่เอื้อให้เกิดการเชื่อมต่อและถ่ายทอดความรู้ภายในองค์กร นำไปสู่การส่งต่อความเชี่ยวชาญและความเข้าใจทั้งในธุรกิจผลิตไฟฟ้าและในธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ที่ทำให้บ้านปูสามารถขยายโอกาสทางธุรกิจสู่ธุรกิจแพลตฟอร์มการซื้อ-ขายไฟฟ้า (Energy Trading) ในตลาดไฟฟ้าเสรี โดยเริ่มจากประเทศญี่ปุ่น และนำประสบการณ์และองค์ความรู้จากการบริหารจัดการธุรกิจ Energy Trading ในญี่ปุ่นมาสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจ Energy Tradingในประเทศอื่นๆ ที่มีตลาดซื้อ-ขายไฟฟ้าแบบเสรีเหมือนกัน เช่น ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ไปจนถึงการนำความรู้ความเชี่ยวชาญในธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานของบ้านปู เน็กซ์ ไปใช้กับการดำเนินธุรกิจในประเทศยุทธศาสตร์ต่างๆ ด้วย
บ้านปู ยังเริ่มลงทุนในธุรกิจ New S-Curve ที่มีศักยภาพสูง มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี เป็นการวางรากฐานเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาความเชี่ยวชาญในธุรกิจใหม่ นำไปสู่การขยายพอร์ตธุรกิจของบ้านปูที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มควบคู่ไปกับธุรกิจพลังงาน นอกจากนี้ ยังตอบรับเทรนด์ทำงานรูปแบบใหม่ โดยโอบรับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในฐานะพันธมิตร เพื่อผลักดันนวัตกรรมและโซลูชันที่ตอบโจทย์เทรนด์ธุรกิจ ขยายฐานลูกค้า และบรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจของทั้งสตาร์ทอัพและบริษัทฯ ไปพร้อมกัน
Digital Transformation ทั่วทั้งองค์กร การสร้างความพร้อมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
บ้านปูยกระดับการดำเนินงานด้วยการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation)โดยหน่วยงาน Digital & Innovation มาเป็นผู้นำในการสร้างความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคดิจิทัล เพื่อส่งมอบอนาคตพลังงานที่ยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการจัดตั้ง Digital Capability Center (DCC) ในหลายประเทศ เพื่อยกระดับความร่วมมือของพนักงานในแต่ละกลุ่มธุรกิจ และถือเป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ในการทำงานที่ตอบโจทย์การทำงานรูปแบบใหม่ที่รวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การจัดตั้ง Melak Digital Center เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของเหมืองทรูบาอินโดในประเทศอินโดนีเซีย ที่เป็นศูนย์กลางการควบคุมการปฏิบัติงาน ประสานงาน และรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ (Cross functions) และนำบิ๊กดาต้า (Big Data) ไปใช้วิเคราะห์วางแผนการดำเนินการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้น หรือการพัฒนาแอปพลิเคชัน Laws In-Hands ระบบฐานข้อมูลด้านกฎหมายที่นำมาใช้ในการติดตามและรายงานกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไป ก็ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั้งองค์กร เพื่อจัดการและลดความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในแต่ละประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และดำรงสถานะเป็นพลเมืองที่ดีในทุกพื้นที่ที่บริษัทดำเนินธุรกิจ
ยึดมั่นในหลักความยั่งยืนหรือ ESG เพื่อการส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน
ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจพลังงานที่สั่งสมมาตลอดเกือบ 40 ปี และจากการดำเนินธุรกิจในทุกๆ ประเทศใน Banpu Ecosystem ทำให้บ้านปูมีความเข้าใจในความต้องการทางพลังงานและปัจจัยที่เอื้อต่อการผลิตพลังงานในแต่ละประเทศ พร้อมดำเนินธุรกิจเพื่อตอบรับกับเทรนด์พลังงานสะอาดและตอบสนองนโยบายพลังงานของภาครัฐในทุกๆ ประเทศที่ดำเนินธุรกิจ ที่ผ่านมาบ้านปูได้นำเทคโนโลยีทันสมัยที่ตอบโจทย์การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในกระบวนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีผสมผสานในการแปลงสถานะถ่านหินให้กลายเป็นก๊าซเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า (Integrated Gasification Combined Cycle: IGCC) ในโรงไฟฟ้านาโกโซ ในญี่ปุ่น เทคโนโลยี Combined Cycle Gas Turbines (CCGT) ในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และการดำเนินโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Sequestration: CCS) เชิงพาณิชย์ร่วมกับบริษัท EnLink Midstream, LLC (EnLink) ในสหรัฐฯ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลสาร ซึ่งจะช่วยผลักดันให้บ้านปูเข้าสู่เป้าหมายในเป็นการเข้าร่วมสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ได้เร็วมากขึ้น ตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG ที่พร้อมส่งมอบพลังงานที่ดีขึ้นเพื่ออนาคต (Smarter Energy for the Future)
บ้านปูขับเคลื่อนและขยายธุรกิจให้เติบโตสอดรับกับเทรนด์พลังงานโลกด้วย Banpu Ecosystem ระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ที่เชื่อมโยงทุกหน่วยธุรกิจเสาหลักอย่างมีนัยสำคัญ ก่อเกิดเป็นการเกื้อหนุน สนับสนุน ผสานพลังร่วมเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดในการลงทุนและลดความเสี่ยง เสริมด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้ามาร่วมปูทางสู่การบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานสะอาด บวกกับแรงเสริมจากพนักงานบ้านปูที่มีเป้าหมายเดียวกัน ทำให้บ้านปูพร้อมเดินหน้าเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านองค์กรเพื่อตอบรับกับทุกการเปลี่ยนแปลงและสร้างเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยกลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อสร้างประโยชน์และคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มภายใต้จุดยืน “อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน” หรือ Smarter Energy for Sustainability ต่อไป