“ร้านอาหารญี่ปุ่น” ยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทย แม้ในช่วง 2 ปีโควิด ก็ยังมีร้านเปิดใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อโควิดคลี่คลายลงแล้ว สำรวจสถิติล่าสุดปี 2565 จำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 15 ปี
การเพิ่มขึ้นของร้านอาหารญี่ปุ่น สอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินภาพรวมธุรกิจอาหารปี 2565 มูลค่า 4.18-4.25 แสนล้านบาท ขยายตัว 12.9% เป็นการฟื้นตัวหลังโควิด
ล่าสุดผลสำรวจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย ปี 2565 โดยองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) สรุป 10 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ปี 2565 ร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มมากสุดในรอบ 15 ปี
นับตั้งแต่ เจโทร กรุงเทพฯ เริ่มสำรวจและเก็บสถิติจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2550 การสำรวจล่าสุดในปี 2565 มีจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น 955 ร้าน ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจ หรือในรอบ 15 ปี
ที่จริงแล้วในปี 2565 มีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ทั้งสิ้น 1,404 ร้าน แต่มีร้านที่ปิดกิจการถาวร, ร้านปิดกิจการชั่วคราว และร้านที่ไม่เข้าข่ายเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเนื่องจากเปลี่ยนแปลงเมนูอาหารและรูปแบบร้านอยู่จำนวน 449 ร้าน จึงสรุปเป็นตัวเลขจำนวนร้านเพิ่มขึ้น 955 ร้าน
2. จำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นทะลุ 5,000 ร้านครั้งแรก
ปี 2565 มีร้านอาหารญี่ปุ่น จำนวน 5,325 ร้าน เป็นครั้งแรกที่ตัวเลขทะลุ 5,000 ร้าน โดยเพิ่มขึ้นจาก 4,370 ร้าน ในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้น 21.9% จำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 7 เท่าตัว นับจากเริ่มสำรวจในปี 2550 ที่มีจำนวน 745 ร้าน
โดยเพิ่มขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยเฉพาะในปริมณฑล 5 จังหวัด (นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร) มีจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 25.2% และต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น 28.5%
3. ท็อป 5 จังหวัดที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นมากที่สุด
ปัจจุบันพบว่ามีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดกิจการอยู่ในทุกจังหวัดของประเทศไทยต่อเนื่องจากปี 2563 และปี 2564 โดยมีจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นหนาแน่นในกรุงเทพฯ ปริมณฑล เมืองท่องเที่ยว และเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด
ปี 2565 มีร้านอาหารญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ 2,394 ร้าน ปริมณฑล 784 ร้าน และ ต่างจังหวัด 2,147 ร้าน
ปี 2565 ท็อป 5 จังหวัดที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นมากที่สุด
– กรุงเทพฯ 2,394 ร้าน
– ชลบุรี 352 ร้าน
– นนทบุรี 328 ร้าน
– เชียงใหม่ 241 ร้าน
– สมุทรปราการ 175 ร้าน
4. ท็อป 5 ประเภทร้านที่เปิดเพิ่มขึ้นมากที่สุด
ปัจจุบันมีร้านอาหารญี่ปุ่นกว่า 13 ประเภท เปิดให้บริการในไทย ไม่ว่าจะเป็น ร้านซูชิ, ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น, ร้านราเมง, เกี๊ยวซ่า, สุกี้ยากี้, ชาบู, ร้านเนื้อย่าง (Yakiniku), ข้าวหน้าเนื้อ, ข้าวหน้าเท็มปุระ, ข้าวแกงกะหรี่, ข้าวห่อไข่, ทงคัตสึ, อาหารย่างกระทะร้อน (Teppanyaki) พิซซ่าญี่ปุ่น (Okonomiyaki), ทาโกะยากิ, โซบะ, อูดง, คาเฟ่
ปี 2565 สรุปท็อป 5 ประเภทร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดเพิ่มมากที่สุดดังนี้
– ซูชิ เพิ่มขึ้น 448 ร้าน
– ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 263 ร้าน
– ราเมง เพิ่มขึ้น 185 ร้าน
– Izakaya เพิ่มขึ้น 105 ร้าน
– Yakiniku/ BBQ เพิ่มขึ้น 96 ร้าน
5. ร้านอาหารญี่ปุ่นปิดชั่วคราวจากโควิดลดลง
จากการสำรวจปี 2564 พบว่า มีร้านที่ปิดกิจการชั่วคราวจากสถานการณ์โควิด 231 ร้าน ในปี 2565 บางร้านได้กลับมาเปิดให้บริการและบางร้านปิดกิจการถาวร ทำให้จำนวนร้านที่ปิดกิจการชั่วคราว ลดลงเหลือ 105 ร้าน
6. ยอดขายฟื้นตัวแล้ว 70-90%
หลังจากได้รับผลกระทบจากโควิด 2 ปี มาปี 2565 ยอดขายของร้านอาหารญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้น 70-90% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 ก่อนโควิด สาเหตุที่ยังไม่ฟื้นตัวสู่ภาวะปกติได้นั้นมาจาก ราคาวัตถุดิบสูงขึ้น, การรับประทานอาหารในโอกาสพิเศษและการจัดงานเลี้ยงลดลง รวมถึงการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
พบว่ายอดขายของกลุ่มเชนร้านอาหารญี่ปุ่น รายใหญ่ในไตรมาส 1-3 ปี 2565 อยู่ที่ 43-112% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2562
7. ร้านอาหารญี่ปุ่นราคาเฉลี่ยต่อหัว 101-250 บาท จำนวนร้านมากที่สุด
ข้อมูลการสำรวจ “ราคา” ร้านอาหารญี่ปุ่นของ Wongnai พบว่าราคาไม่แตกต่างจากปีก่อน โดยสรุปราคาเฉลี่ยต่อหัวดังนี้
– ราคาเฉลี่ยต่อหัวต่ำกว่า 100 บาท จำนวน 686 ร้าน
– ราคา 101-250 บาท จำนวน 1,936 ร้าน
– ราคา 251-500 บาท จำนวน 1,190 ร้าน
– ราคา 501-1,000 บาท จำนวน 596 ร้าน
– ราคาเกิน 1,000 บาท จำนวน 208 ร้าน
สำหรับร้านอาหารที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว ระดับราคาอาหารเฉลี่ยต่อหัว 101-250 บาท เป็นช่วงราคาที่มีจำนวนร้านมากที่สุด ตามด้วยระดับราคา 251-500 บาท เหมือนกันทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
ส่วนร้านอาหารเปิดใหม่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ระดับราคาอาหารเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 101-250 บาท รองลงมาคือต่ำกว่า 100 บาทในต่างจังหวัด
จากระดับราคาดังกล่าวพบว่าการบริโภคอาหารญี่ปุ่นของคนไทยมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งรับประทานเป็นอาหารสำหรับมื้อพิเศษและอาหารในชีวิตประจำวัน
8. ร้านสาขาเดียวและแฟรนไชส์เติบโตทั้งคู่
ปี 2565 จำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นทั้งเชนร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านที่ขยายสาขาโดยการขายแฟรนไชส์ และร้านสาขาเดียวที่บริหารโดยคนไทย
– จำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีสาขาเดียวมีทั้งหมด 1,947 ร้าน เพิ่มขึ้น 28.3% เทียบปีก่อน ที่มีจำนวน 1,518 ร้าน
– จำนวนแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีหลายสาขาเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะแบรนด์ร้านที่มี 2-5 สาขา เพิ่มขึ้นมากสุด จำนวน 344 ร้าน
ปัจจุบันร้านอาหารญี่ปุ่นมีทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นเป็นเจ้าของ ร้านที่มีสาขาเดียวเปิดใหม่ส่วนหนึ่งมาจากเชฟ ที่มีประสบการณ์ทำร้านอาหารญี่ปุ่นออกมาเปิดร้านเอง ส่วนแบรนด์ที่มีหลายสาขา มีทั้ง เชนร้านอาหารและแฟรนไชส์ ที่ขยายสาขาเพิ่ม และแบรนด์ใหม่จากญี่ปุ่นเข้ามาเปิดสาขา
9. สั่งอาหารเดลิเวอรี่ลดลงแต่ยังใช้ต่อไป
– แนวโน้มการใช้แพลตฟอร์ม Food Delivery ในร้านอาหารญี่ปุ่นเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากสถานการณ์ร้านอาหารค่อยๆ เข้าสู่ภาวะปกติหลังโควิด แต่คาดว่าจะยังคงมีการใช้ Food Delivery ต่อไป
– ร้านอาหารที่ขายโดยใช้ช่องทาง Food Delivery อย่างเดียว รวมถึงร้านที่ขายอาหารญี่ปุ่นเดลิเวอรี่เท่านั้น มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
– ปี 2565 ประมาณการมูลค่าตลาด Food Delivery เติบโต 1.7-5% จากปีก่อน
10. แนวโน้มธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในอนาคต
ในประเทศไทยขายอาหารญี่ปุ่นมากว่า 30 ปี คนรุ่นใหม่จำนวนมากคุ้นเคยกับอาหารญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็ก คาดการณ์ว่าในอนาคตร้านอาหารญี่ปุ่นยังคงได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะในต่างจังหวัด มีอาหารญี่ปุ่นหลากหลายประเภทมากขึ้น
คุณจุน คุโรดะ ประธานเจโทร กรุงเทพฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีแบรนด์ร้านอาหารจากญี่ปุ่น เข้ามาปรึกษา เจโทร กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยยังเห็นโอกาสการเติบโตด้านกำลังซื้อของคนไทยและความนิยมอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของผู้บริโภคไทย
ข้อมูลการสำรวจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย ของ JETRO เริ่มตั้งแต่ปี 2550 ล่าสุด ปี 2565 สำรวจร้านอาหาร ระหว่างวันที่ 1 กันยายน ถึง 15 พฤศจิกายน 2565 สัมภาษณ์บริษัท/องค์กร ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2565
ประเภทร้านที่สำรวจ คือ 1.ร้านอาหารที่ให้บริการอาหารญี่ปุ่น หรือ อาหารที่มีการดัดแปลงเป็นสไตล์ญี่ปุ่น 2. ร้านอาหารที่มีเมนูอาหารญี่ปุ่นเกินครึ่งของเมนูทั้งหมด และ 3. ร้านอาหารที่มีการจัดที่นั่งสำหรับลูกค้าเป็นการถาวร (ไม่รวมร้านที่ให้บริการ Food Delivery อย่างเดียว )