HomeBrand Move !!ส่อง 6 ไฮไลท์ “เบอร์เกอร์คิง” สาขารัชดา แฟล็กชิฟสโตร์คอนเซ็ปต์ใหม่แห่งที่ 2 ของโลกต่อจากอเมริกา

ส่อง 6 ไฮไลท์ “เบอร์เกอร์คิง” สาขารัชดา แฟล็กชิฟสโตร์คอนเซ็ปต์ใหม่แห่งที่ 2 ของโลกต่อจากอเมริกา

แชร์ :

Burger King

 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

เบอร์เกอร์คิง (Burger King) หนึ่งในเชนแบรนด์ QRS (Quick Service Restaurant) ระดับโลกที่มีความหลากหลายด้านกลยุทธ์การทำตลาดที่ปรับตัวต่อเนื่องตลอดเวลา และภายหลังการประกาศรีแบรนด์เบอร์เกอร์คิงทั่วโลกครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี โดยมีการปรับเปลี่ยนโลโก้ เก่ายุค 60s ให้ดูมีความเป็นมินิมอล มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับสีตัวอักษรใหม่ให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น โดยประเทศไทยเองก็ถือเป็นรายแรกในเอเชียที่ปรับใช้โลโก้ใหม่นี้ ทำให้การตลาดของเบอร์เกอร์คิงถูกจับตามองอีกครั้งจากผู้บริโภค

ถือป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของแบรนด์ หลังสถานการณ์โควิดผ่านพ้นไป ทำให้ภาพรวมธุรกิจ อาหารในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ดีลิเวอรี่ (Delivery) , นั่งทานในร้าน (Dine-in) กลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยเฉพาะในประเทศไทย การเติบโตตลอดช่วงที่ผ่านมาของ “เบอร์เกอร์คิง” ถือเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง หลังเข้ามาทำตลาดเมื่อกว่า 22  ปีที่ผ่านมา 

ปัจจุบัน “เบอร์เกอร์คิง” ในไทยอยู่ภายใต้การบริหารงานของกลุ่ม Minor Food ที่ได้สิทธิในการดำเนินธุรกิจในไทย โดยมีหัวใจหลักของการทำตลาดประการสำคัญคือ การต่อยอดกลยุทธ์กิจกรรมด้านการตลาดต่างๆ ด้วยการนำ Insights จากผู้บริโภคในประเทศ ไปต่อยอดเป็นสินค้า – บริการ ผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบต่าง รวมถึงเทคโนโลยีสำหรับประเทศนั้นๆ  ล่าสุดได้เปิดตัวโมเดลใหม่ เบอร์เกอร์คิง แฟลกชิปสโตร์ สาขารัชดา รูปแบบ New Design สาขาแรกในไทย และสาขาที่ 2 ของโลกต่อจาก ไมอามี่ สหรัฐอเมริกา

คุณธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจร้านอาหารหลังสถานการณ์โควิดลี่คลายยอดขายผ่านเดลิเวอรีมีสัดส่วนที่เติบโตขึ้นสูงมาก จากเดิมที่มีสัดส่วน 10% ของยอดขายเบอร์เกอร์คิงในปี 2562 พุ่งขึ้นเป็นสัดส่วน 30% ในปีนี้ทั้งนี้เป็นผลจากสถานการณ์การระบาดของโควิดที่ดีขึ้น ภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว  สัดส่วนรายได้ขณะนี้ แบ่งเป็น นั่งรับประทานในร้านหรือ Dine-in 30%, Delivery 30%, Take Away 30% และ  Drive-thru 10% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่องทาง Delivery มีการเติบโตอย่างมากในช่วงโควิดระบาด

 

คุณธนวรรธ ดำเนินทอง

คุณธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

 

จึงเป็นความท้าทายที่เปลี่ยนเป็นโอกาสของการปรับโฉมร้านเบอร์เกอร์คิง เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับความลงตัวที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น ผ่านทุกช่องทางการขาย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายครอบคลุมทุกมิติ ในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดเมื่อเข้ามาใช้บริการ

นั่นทำให้ทางแบรนด์มีการเดินหน้ารุกตลาดในไทยอย่างต่อเนื่องหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ภาพรวมการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ประชาชนออกมาจับจ่ายอีกครั้ง ขณะเดียวกันยังเป็นการรองรับแนวโน้มตลาดร้านอาหารในปีหน้า ที่คาดการณ์ว่าจะกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวสาขา New Design ดังกล่าว

สำหรับ เบอร์เกอร์คิง แฟลกชิปสโตร์ สาขารัชดา ซึ่งจะเป็นสาขาแรกในไทย บนพื้นที่ 400 ตารางวา จอดรถได้ถึง 20 คัน ขณะที่การตกแต่งภายในร้านเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ทั้งหมด สามารถรองรับผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการอยู่ที่ 60 ที่นั่ง ซึ่งจะเป็นสาขาแรกในไทยที่รวบรวมความเป็นที่สุดทั้งด้านสินค้าและบริการ โดยจุดเริ่มต้นของแฟลกชิปสโตร์แห่งนี้ มาจากการเล็งเห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการเป็นหลัก โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางแบบ Customer Centric ด้วยการพัฒนาและปรับโมเดลธุรกิจให้สอดรับกับวิถีชีวิตคนยุคใหม่

เปิด 6 ไฮไลท์ใหม่เฉพาะที่ “เบอร์เกอร์คิง” แฟล็กชิป New Design แห่งที่ 2 ของโลก

โดยดีไซน์โฉมใหม่ของเบอร์เกอร์คิงสาชารัชดา ถือเป็นโมเดลต้นแบบในการปรับปรุง-ขยายสาขาใหม่ในอนาคต ซึ่งมีจุดเด่นคือ นวัตกรรมการออกแบบจุดสั่งอาหาร เดินเข้ามาในร้านมีของใหม่มากมาย โดยเฉพาะการนำนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค นับเป็นสาขาโฉมใหม่ลำดับสาขาที่ 2 ของโลก ต่อจากสาขาแรกที่ ไมอามี่ สหรัฐอเมริกา โดยร้านโฉมใหม่แห่งนี้ประกอบไปด้วย 6 ไฮไลท์เด็ดที่สาขาอื่นไม่มี  ได้แก่

1.ตู้รับสินค้าอัจฉริยะ (Smart Locker)  เพื่อตอบโจทย์การเติบโตของการบริการสั่งอาหารแบบดีลิเวอรี่โดยเฉพาะ มีกระบวนการทำงานคือ เมื่อลูกค้ากดสั่งอาหารผ่านช่องทางดีลิเวอรี่เข้ามา ออร์เดอร์ต่างๆก็จะวิ่งตรงเข้าไปในครัว หลังจากนั้นทำเสร็จระบบก็จะบอกทันทีว่า ออร์เดอร์ไหนต้องวางล็อกเกอร์ตรงไหน และไรเดอร์ที่มา ก็จะมีออร์เดอร์สามารถไปคีย์รหัส เพื่อรับสินค้าจากล็อกเกอร์นั้นๆ ได้เลย  การเปิดตัวนวัตกรรมดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการสั่งอาหาร และการส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าได้ รองรับพฤติกรรมลูกค้าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงโควิดเห็นได้ชัดว่าพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป ช่องทางดีลิเวอรี่ กลายมาเป็นช่องทางการขายที่สำคัญที่มีการเติบโตสูง

 

Smart Locker

ตู้รับสินค้าอัจฉริยะ (Smart Locker)  เพื่อตอบโจทย์การบริการสั่งอาหารแบบดีลิเวอรี่

 

2.เตาย่างเปลวไฟรุ่นใหม่ เกิดจากจุดเริ่มต้นจากที่ทางแบรนด์ต้องการสื่อสารเรื่องการย่างเนื้อด้วยเปลวไฟ โดยนำมาวางด้านหลังเคาน์เตอร์เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกระบวนการทำอาหาร และ เป็นอุปกรณ์ที่ย่างได้เร็วขึ้น ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น โดยถือเป็นสาขาแรกในเอเชียที่เป็นสาขาที่มีเครื่องย่างเนื้อเปลวไฟรุ่นใหม่

 

Flame Grilling

เตาย่างเปลวไฟรุ่นใหม่ ที่ถูกติดตั้งไว้ด้านหลังเคาน์เตอร์เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกระบวนการทำอาหาร

 

3.ดิจิทัล รีฟิล แมชชีน (Digital Refill Machine) หรือเครื่องกดน้ำอัตโนมัติรูปแบบดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยีหน้าจอดิจิทัล ใช้ระบบสัมผัส touch screen โดยติดตั้งในสาขารัชดานี้เป็นที่แรกในไทย

Digital Refill Machine

ดิจิทัล รีฟิล แมชชีน (Digital Refill Machine) หรือเครื่องกดน้ำอัตโนมัติรูปแบบดิจิทัล

 

4.การตกแต่งรูปแบบใหม่ ด้วยการปรับภาพร้านให้มีความเป็นโมเดิร์น มีเก้าอี้แบบใหม่ โคมไฟ เบอเกอร์บนผนัง ที่ดูเทรนดี้และโมเดิร์นมากขึ้น มีมุมถ่ายภาพ และใช้โลโก้ใหม่

 

New Design Flagship Store

การตกแต่งรูปแบบใหม่ และสีใหม่ให้ดูโมเดิร์นทันสมัยมากขึ้น

 

5.EV Charger โดยทางเบอร์เกอร์คิงได้จับมือเป็นพาร์ทเนอร์ กับ PTTOR ติดตั้งระบบชาร์จ 3  หัวจ่าย ที่มีระบบ Fast-Charge สามารถชาร์จได้รวดเร็วภายในเวลา 15 นาที รองรับรถยนต์ไฟฟ้าได้ทุกรุ่น และพร้อมกันนี้ยังได้ติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นพลังงานไฟฟ้า นอกจากช่วยประหยัดไฟฟ้าภายในร้านแล้ว ยังเป็นการใช้พลังงานหมุนเวียนได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด

 

EV Charger

EV Charger บริเวณหน้าร้านที่สามารถชาร์จได้เร็วเพียง 15 นาที

 

6.เมนูเอ็กซ์คลูซีฟ King’s Selection ที่มีจำหน่ายเฉพาะสาขารัชดาฯ แห่งนี้ และสาขาที่สยามพารากอนเท่านั้น กับ 3 เมนูชุดพิเศษ ได้แก่ เบอร์เกอร์สะโพกไก่ทอดบาร์บีคิว เบคอน ชีส ราคาชุดละ 249 บาท, ดับเบิล โรดิโอ เบคอนชีส ราคาชุดละ 339 บาท และ ดับเบิล สเต๊กเฮาส์ คิง ราคาชุดละ 329 บาท

นอกจากความพิเศษดังกล่าวบริเวณโดยรอบร้านยังถูกปรับภูมิทัศน์  ให้มีพื้นที่สีเขียว และแบ่งโซนด้านหลังร้านในการรังสรรค์งานศิลปะด้วยภาพกราฟิกที่บ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของเบอร์เกอร์คิงสำหรับเป็นมุมถ่ายภาพหรือมุมนั่งเล่น ถือเป็นอีกเดสติเนชั่น ที่สร้างความแตกต่างในการมอบประสบการณ์ช่วงเวลาที่ดีให้แก่ผู้บริโภค

 

ปรับโฉมร้านเดิม-เพิ่มไดร์ฟ ทรู โมเดลหลักขยายสาขาทั่วไทย

นอกจากโฉมใหม่ของสาขาแล้ว ในปี 2566 ทางค่ายยังมีแผนที่จะทยอยปรับโฉมร้านเดิมให้เป็นรูปแบบการดีไซน์ร้านแบบใหม่เหมือนที่รัชดาภิเษกแห่งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ให้มากที่สุด

ขณะเดียวกันในปีหน้ายังมีแผนขยายสาขาใหม่ๆ เพิ่มอีก 10 แห่ง เน้นไปที่ไดรฟ์ทรูเป็นหลัก 60% เนื่องจากเป็นรูปแบบสาขาที่ตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้ายุคใหม่ ขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มโอกาสทางการขาย โดยทำเลที่จะขยายเข้าไปโฟกัสใน 2 โซนหลัก คือ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากทำเลดังกล่าวยังมีศักยภาพทางการเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะสมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี กับโซนต่างจังหวัด จะเน้นไปที่หัวเมืองใหญ่ และจังหวัดท่องเที่ยวเพื่อรองรับตลาดท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น

ทั้งนี้ปัจจุบัน มีสาขารวมทั้งสิ้น 122 สาขา โดยในสัปดาห์หน้าจะเปิดใหม่ที่หาดใหญ่ในโครงการมิกซ์ยูส เป็นสาขาที่ 123 แบ่งสัดส่วนเป็นร้านสแตนด์อโลน 60% และร้านในห้างค้าปลีก คอมมูนิตีมอลล์ สนามบิน 40% ในปีหน้าตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 20%

ทั้งหมดเพื่อสร้าง Customer engagement เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีประสบการณ์ร่วม ผ่านความเอ็กซ์คลูซีฟของแฟลกชิปสโตร์ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่จะดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาใช้บริการสั่งอาหารภายในร้านมากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายของผู้บริโภคในช่องทางการบริการที่รวดเร็วในทุกมิติเป็นหลัก

 

อ่านเพิ่มเติม

6 กลยุทธ์แบรนด์สร้างความแตกต่างให้โลกจำ! พร้อมถอดกรณีศึกษา “เบอร์เกอร์ คิง


แชร์ :

You may also like