(คุณลาร์ส คริสเตียน สตรอว์เวต หัวหน้าทีมดิจิทัล การตลาด กลุ่มธุรกิจองค์กร ดีแทค)
ปี 2565 อาจเป็นอีกหนึ่งปีที่ธุรกิจเอสเอ็มอี (SMEs) ของประเทศไทยได้มีโอกาสเผชิญหน้าปัจจัยแง่บวก และความท้าทายในทุกมิติ เห็นได้จากรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSME) ในเดือนกันยายน 2565* ที่ระบุว่า พบสัญญาณการเติบโตหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นในเกือบทุกตลาด (คิดเป็นมูลค่า 115,886 ล้านบาท) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีธุรกิจเปิดใหม่มากถึง 7,219 ราย (เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า)
แต่ในอีกด้าน ก็พบว่ายังมีความท้าทายรอธุรกิจเอสเอ็มอีไทยอยู่ข้างหน้าเช่นกัน โดยหากมองผลวิจัยในระดับภูมิภาค เช่น e-Conomy SEA 2022 ที่จัดทำโดย Google ร่วมกับเทมาเส็กและ Bain & Company ก็มีจุดหนึ่งที่ชี้ว่า การขาดแคลนทักษะด้านดิจิทัลในภาคแรงงานไทยกำลังเป็นความท้าทายมากขึ้นทุกที หรือผลสำรวจจาก Sea (ประเทศไทย) ที่พบว่า 62% ของคนไทยต้องการใช้เครื่องมือทางดิจิทัล (Digital Tools) มากขึ้น รวมถึงมองเห็นเทรนด์การทำงานแบบ Hybrid Workplace ว่าเป็นวัฒนธรรมที่ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ด้วย
อย่างไรก็ดีการปล่อยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยเผชิญทั้งโอกาสและความท้าทายที่กล่าวมาข้างต้นแต่เพียงลำพังอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก โดยเฉพาะมองจากมุมของดีแทค ผู้ให้บริการโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของไทยที่จับตาสถานการณ์ดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยคุณลาร์ส คริสเตียน สตรอว์เวต หัวหน้าทีมดิจิทัล การตลาด กลุ่มธุรกิจองค์กร ดีแทค มองว่า นี่อาจเป็นความท้าทายครั้งใหม่ของธุรกิจเอสเอ็มอีที่ต้องก้าวเข้าสู่การแข่งขันบนโลกดิจิทัลอย่างเต็มตัว รวมถึงอาจเป็นความท้าทายของ dtac Business ว่าจะสามารถสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ได้หรือไม่ด้วย
เปิดความท้าทายผู้ประกอบการไทย
“ในช่วงการระบาดของ Covid-19 สิ่งที่ดีแทคพบในหมู่ผู้ประกอบการไทยก็คือการปรับตัวเข้าใช้ดิจิทัลเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องมีสูงมาก อย่างไรก็ดี การเข้าถึง Voice และ Data อาจไม่เพียงพอและยังมีหลายเรื่องที่ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยต้อง “ทำต่อ” บนโลกแห่งการแข่งขันนี้ นั่นคือ การเข้าถึงโซลูชัน เครื่องมือดิจิทัล และบริการต่าง ๆ ที่อยู่บนคลาวด์ เพื่อเร่งการเติบโตของธุรกิจ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า การเติบโตบนเศรษฐกิจดิจิทัลก็ต้องใช้เครื่องมือดิจิทัลจึงจะสามารถตอบโจทย์ธุรกิจและลูกค้าได้อย่างตรงจุด”
คุณลาร์สยังชี้ด้วยว่า จุดที่ทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยเติบโตได้ไม่เร็วเท่าที่ควร มาจากการที่พวกเขาต้องคิดคนเดียว ทำคนเดียว ไม่มีพาร์ทเนอร์คอยช่วยเหลือ
“สิ่งที่ดีแทคพบก็คือ ธุรกิจเอสเอ็มอีไทย คนที่เป็นผู้ก่อตั้งจะทำด้วยตัวเองทุกอย่าง พวกเขาไม่มีทีมไอที ไม่มีทีมกลยุทธ์ ไม่มีทีมที่คอยสนับสนุนเหมือนที่บริษัทขนาดใหญ่มี เนื่องจากมองว่า การมีทีมเหล่านี้จะเป็นการเพิ่มต้นทุน ทำให้ในแต่ละวัน ผู้ก่อตั้งจะเจอปัญหามากมายให้ต้องจัดการ จนทำให้ไม่สามารถวางแผนสร้างการเติบโตได้”
จาก Pain Point เอสเอ็มอีไทย สู่จุดเริ่มต้น ดีแทค B-LAB
จาก Pain Point ที่ดีแทคพบในผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทางทีม dtac business จึงมองว่า อาจเป็นการดีกว่าหากทางทีมสามารถเข้ามาให้การสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยได้ นั่นจึงเป็นที่มาของการศึกษาอย่างเจาะลึก ภายใต้การเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ระหว่างดีแทค และเทเลนอร์ ร่วมกับ Google Cloud ที่มีพันธกิจในการสนับสนุนธุรกิจไทย ให้เปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลบนโครงการ 10X ด้วยโมเดล Gamestorming เป็นเวลา 10 สัปดาห์อย่างเข้มข้น โดยผลลัพธ์ที่ได้มาจากโมเดลดังกล่าวคือ การเข้าใจ Persona ของผู้ประกอบธุรกิจ และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการ หรือผู้เริ่มต้นธุรกิจได้อย่างเหมาะสม ซึ่งนำไปสู่การเปิดตัว ‘ดีแทค B-LAB’ ในฐานะแหล่งรวมโซลูชันออนไลน์ แบบ One-Stop Shop แห่งเดียวในไทย ที่นอกจากจะมีโซลูชันต่าง ๆ แบบครบวงจรให้เลือกใช้และเปิดใช้งานได้ทันที เช่น คลาวด์โซลูชันอย่าง Google Workspace แล้ว ยังสามารถขอรับคำปรึกษา คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงเป็นคอมมูนิตี้ที่ผู้ประกอบการสามารถเข้ามาแชร์ความรู้ ประสบการณ์ และเชื่อมต่อธุรกิจกันได้อีกด้วย
ในจุดนี้คุณลาร์สเผยว่า ผู้ประกอบการที่ ’ดีแทค B-LAB’ สามารถตอบโจทย์ได้มีตั้งแต่ธุรกิจเจ้าของคนเดียว, ธุรกิจค้าขายออนไลน์, ทนายความ, นักบัญชี, ที่ปรึกษาต่าง ๆ หรือธุรกิจที่ต้องทำงานร่วมกับหลายทีม เช่น Media Agency, YouTuber หรือแม้แต่ดีลเลอร์รถยนต์ ฯลฯ
“เราพบว่า ความต้องการของธุรกิจเปลี่ยนไปสู่โมเดลแบบไฮบริดมากขึ้น นั่นคือ มองหางานที่สามารถทำได้จากทุกที่ ซึ่งการเปลี่ยนมาทำงานผ่านคลาวด์จะสามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้ และสามารถลดค่าใช้จ่ายให้กับธุรกิจได้ด้วย”
คุณลาร์สยังเผยด้วยว่าแพลตฟอร์ม ‘ดีแทค B-LAB’ ที่เปิดตัวในประเทศไทยยังถือเป็นต้นแบบแรกของกลุ่มเทเลนอร์ เนื่องจากทางกลุ่มฯ มองว่า ตลาดผู้ประกอบการไทยมีความพร้อมในการทำธุรกิจสู่ดิจิทัลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ทั้งผู้ประกอบการและกลุ่มลูกค้าที่ปรับตัวเข้าใช้ดิจิทัลได้รวดเร็วกว่าประเทศอื่น ๆ ที่กลุ่มเทเลนอร์ให้บริการนั่นเอง โดยปัจจุบัน ‘ดีแทค B-LAB’ แพลตฟอร์มมีโซลูชันต่าง ๆ ที่ครบคลุมจากทางดีแทค เช่น dtac Mobile Security บริการด้านซีเคียวริตี้ หรือโซลูชันจากพันธมิตรระดับโลกของดีแทค เช่น Google Workspace และในอนาคตจะมี Microsoft 365 และโซลูชันอื่นๆที่จำเป็นสำหรับการทำธุรกิจให้เลือกใช้มากยิ่งขึ้น
เพิ่ม Personal Touch ด้วยทีมที่ปรึกษา – คอมมูนิตี้
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ ดีแทคพบว่าสิ่งที่ขาดหายไปในการซื้อเซอร์วิสต่าง ๆ คือเรื่องของ personal touch นั่นจึงทำให้ dtac Business มองว่า การมีทีมที่ปรึกษา คอยให้ความรู้ตั้งแต่เริ่มต้นว่า ธุรกิจของลูกค้าเหมาะกับโซลูชันไหน จะเริ่มต้นใช้งานได้อย่างไร หรือหากมีปัญหา จะแก้ไขได้อย่างไรเป็นสิ่งจำเป็น โดย ‘ดีแทค B-LAB’ ได้มีการจัดเตรียมทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากดีแทค บิสิเนสสำหรับตอบคำถามในช่องทางต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์ อีเมล ไลน์แชท ไว้รองรับ
เช่นเดียวกับการสร้างคอมมูนิตี้ ที่ดีแทคมองว่าจำเป็นเช่นกัน โดยคุณลาร์สให้ความเห็นว่า การมีคอมมูนิตี้บน ดีแทค B-LAB คือการเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้จากเพื่อนร่วมธุรกิจ ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังสามารถช่วยเหลือกัน และเชื่อมต่อธุรกิจระหว่างกันได้ด้วย โดยที่ผ่านมา dtac B-LAB เคยจัดกิจกรรมด้วยการเชิญคุณท็อป – จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง Bitkub มาร่วมให้ความรู้กับผู้ประกอบการเกี่ยวกับการใช้คลาวด์เทคโนโลยีมาแล้วเช่นกัน
“ภารกิจสำคัญของแพลตฟอร์มดีแทค B-LAB ในวันนี้คือการเชื่อมต่อ (Connect) เรียนรู้ (Learn) และเติบโต (Grow) โดยการ Connect คือการพยายามเชื่อมผู้ประกอบการกับผู้ประกอบการ หาตัวอย่าง หาประสบการณ์ หาผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น ๆ มาแชร์ประสบการณ์”
“ส่วนการ Learn ก็คือการให้ความรู้กับเจ้าของธุรกิจ เช่น บทความเกี่ยวกับเทรนด์ธุรกิจ การตลาด รวมถึงคอร์สเพิ่มทักษะในด้านดิจิทัล ซึ่งจะสามารถค้นหาได้ใน Knowledge Hub และสุดท้าย Grow ก็คือการรวมเครื่องมือหรือโซลูชันที่ดีแทคมองเห็นว่าเหมาะกับผู้ใช้งาน เช่น Google Workspace ซึ่งเป็นคลาวด์เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการเพิ่มศักยภาพการทำงานภายในองค์กรหรือแม้แต่บุคคลทั่วไปก็สามารถใช้งานได้ในราคาที่คุ้มค่า”
“บริการนี้ใครก็สามารถเข้าใช้งานได้ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นลูกค้าดีแทค เพราะเรามองว่า เราอยากเป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจเอสเอ็มอีในการเดินไปสู่ความสำเร็จนั้น และถ้าธุรกิจเอสเอ็มอีไทยประสบความสำเร็จ ก็ถือเป็นความสำเร็จของ dtac Business ด้วยนั่นเอง” คุณลาร์สกล่าวปิดท้าย
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่
Source* รายงานสถานการณ์ SME