H&M แบรนด์แฟชั่นจากสวีเดนกลายเป็นยักษ์ใหญ่รายแรกของสหภาพยุโรปที่ต้องประกาศเลย์ออฟพนักงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย โดยล่าสุดมีการประกาศเลย์ออฟพนักงานมากถึง 1,500 ตำแหน่ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยบริษัทประหยัดเงินได้ราว 2 พันล้านโครนา หรือประมาณ 6,688 ล้านบาทต่อปี
การเลิกจ้างครั้งนี้ของ H&M เกิดขึ้นท่ามกลางปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาสินค้าขึ้นราคา และปัญหาด้านพลังงาน ซึ่งกระทบแทบทุกประเทศในสหภาพยุโรป โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พนักงานส่วนใหญ่ที่ถูกเลิกจ้างเป็นพนักงานในส่วน Backoffice และเป็นการเลย์ออฟที่เกิดขึ้นในสวีเดนเป็นหลัก
สาเหตุส่วนหนึ่งที่นำไปสู่การเลิกจ้างมาจากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ H&M เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาที่พบว่า บริษัททำรายได้ได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Zara ของค่าย Inditex ด้วย
สิ่งที่ผู้บริหาร H&M อ้างว่าเป็นสาเหตุของการทำรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าคือการที่ผู้คนประหยัดกันมากขึ้น อย่างไรก็ดี ปัญหานี้กลับไม่เกิดกับทาง Inditex ที่ระบุว่า ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของพวกเขายังเติบโต และมีแผนจะขึ้นราคาสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
หากจะลดราคาสินค้าเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น H&M ก็เจออีกหนึ่งปัญหา นั่นคือมีคู่แข่งจากโลกออนไลน์อย่าง Primark ที่สามารถทำราคาได้ต่ำกว่า และ Primark ยังมีการประกาศรับสมัครงานเพิ่ม 1,800 ตำแหน่งในสเปนและอังกฤษเพื่อขยายตลาดด้วย
ทั้งนี้ แผนการลดค่าใช้จ่ายจะเริ่มขึ้นในช่วงกลางปีหน้า และจะมีการปรับโครงสร้างบริษัทที่อาจมีค่าใช้จ่ายราว 800 ล้านโครนาในช่วงไตรมาสที่ 4 ด้วยเช่นกัน
Nils Vinge หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของ H&M เผยว่า ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของธุรกิจค้าปลีก เพราะผู้บริโภคมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหาร พลังงานที่เพิ่มขึ้น และทำให้เขามีเงินมาใช้จ่ายกับสิ่งอื่นน้อยลง ทั้งนี้ ตัวเลขพนักงานที่ H&M มีการจ้างงานเอาไว้นั้น พบว่า อยู่ที่ 155,000 คน