ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ญี่ปุ่น” ถือเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของคนไทยในการท่องเที่ยว ยืนยันได้จากผลสำรวจจากวีซ่า (Visa) ในหัวข้อ Thailand’s Travel Intentions Study 2023 – Outbound Edition* ที่พบว่า จุดหมายปลายทางอันดับแรกที่นักเดินทางชาวไทยปรารถนาจะไปเยือนมากที่สุดก็คือ ประเทศญี่ปุ่น (81%) นั่นเอง
ซึ่งเมื่อเอ่ยถึงญี่ปุ่น นอกจากเป็นประเทศที่มีอากาศดี ๆ มีธรรมชาติที่สวยงาม และเป็นระเบียบเรียบร้อยให้สัมผัสแล้ว สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนไม่อาจเมินได้ก็คือ การจับจ่ายใช้สอย ยิ่งในช่วงที่ผ่านมา ค่าเงินเยนมีการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ “ญี่ปุ่น” เป็นหมุดหมายปลายทางในการช้อปปิ้งประจำปีกันเลยทีเดียว
แน่นอนว่า เมื่อเอ่ยถึงการจับจ่ายใช้สอยในต่างแดน สิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญก็คือรูปแบบในการจ่ายเงิน โดยผลสำรวจจากวีซ่าระบุด้วยว่า นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มจะใช้จ่ายด้วยเงินในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น (57%) รองจากการใช้จ่ายด้วยบัตร (69%) และเงินสด (61%) พร้อมเผยข้อดีสามอันดับแรกจากการเลือกชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลระหว่างการเดินทางว่า มีความปลอดภัย (60%) สะดวก (56%) และสามารถติดตามการใช้จ่ายได้ (49%) นั่นเอง
เที่ยวญี่ปุ่นพร้อมผู้ช่วยให้จ่ายเงินได้อย่างปลอดภัย
ด้วยเหตุนี้ การมีผู้ช่วยที่ไว้ใจได้ เข้ามาดูแลการใช้จ่ายเงินในรูปแบบดิจิทัลให้เกิดขึ้นอย่างปลอดภัย จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมาก ซึ่งหากมองไปรอบตัว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถาบันการเงินที่หลายคนยกนิ้วให้ว่าเป็นตัวจริงเรื่องญี่ปุ่นหนีไม่พ้น “ธนาคารกรุงศรี” โดยในตอนนี้ ทางธนาคารได้จับมือกับ 2 พันธมิตรอย่าง NTT DATA และ NETSTARS บริษัทผู้พัฒนาระบบการชำระเงินในประเทศญี่ปุ่น และร้านค้าชั้นนำตามเมืองใหญ่ต่าง ๆ ขยายบริการชำระเงินในประเทศญี่ปุ่นผ่านการสแกน QR Code ด้วยกรุงศรีโมบายแอป (KMA) แล้ว ซึ่งรูปแบบการใช้บริการถือว่าสะดวกเลยทีเดียว โดยหากพบร้านที่มีสัญลักษณ์ Krungsri QR Japan ก็เพียงทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
– เปิดแอปพลิเคชัน Krungsri Mobile App และเลือกปุ่มสแกน เพื่อสร้าง QR Code
– เลือก “จ่าย” เพื่อเข้าสู่หน้า QR Code ของเรา
– ร้านค้าจะนำเครื่องสแกนมาสแกน QR Code ที่หน้าจอของเรา จากนั้นที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือจะปรากฏรายการที่ต้องชำระ และให้เรากดยืนยัน เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย
สำหรับร้านค้าที่รับชำระด้วย Krungsri QR Japan เรียกว่ามีมากมาย ตั้งแต่ ห้างทาเคยะ (Takeya) หรือตึกม่วงที่คนไทยรู้จักกันดี, ร้าน Edion ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ในบ้าน รวมถึงร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรมในหลายเมืองของญี่ปุ่น เช่น นาโงยา, ฟุกุโอกะ, โอกินาวา, โตเกียว, โอซาก้า, ซัปโปโร, เกียวโต, ฯลฯ โดยในเฟสแรกของการให้บริการ QR Payment ดังกล่าวจะรองรับการสแกนจ่ายผ่านกรุงศรีโมบายแอป (KMA) ก่อน และจะมีการขยายบริการไปยังโมบายแอปพลิเคชันของธนาคารอื่น ๆ ในไทยต่อไป
สิทธิพิเศษเพียบแค่สแกนจ่ายในญี่ปุ่น
นอกจากความสะดวกสบายแล้ว ต้องบอกว่า ข้อดีของการจ่ายด้วยบริการ Krungsri QR Japan ผ่านแอปพลิเคชัน KMA ของธนาคารกรุงศรีในญี่ปุ่นยังมีอีกมาก หนึ่งในนั้นก็คือความคุ้นเคยของคนไทยที่เราพร้อมหยิบโทรศัพท์มาจ่ายเงินแทนการหยิบกระเป๋าสตางค์ ทำให้เราไม่ต้องพกเงินสดติดตัวมากเหมือนในอดีต อีกทั้งยังเห็นราคาที่แปลงเป็นเงินบาทและทราบผลการชำระเงินได้แบบทันทีทันใดด้วย
ส่วนร้านค้าในญี่ปุ่นก็สะดวกขึ้นเช่นกัน เพราะจะทราบผลการใช้จ่าย และได้รับเงินทันทีอีกด้วย
แต่ที่เป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ สำหรับผู้ใช้กรุงศรีโมบายแอปก็คือเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารจะหักเงินจากบัญชีเป็นสกุลเงินบาท โดยคิดตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะที่ทำรายการ และไม่มีค่าธรรมเนียมในการชำระเงินใด ๆ พร้อมกันนี้ ทางธนาคารกรุงศรี ยังได้จับมือกับห้างทาเคยะจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้ากรุงศรีที่ชำระสินค้าด้วยแอปพลิเคชัน KMA ให้ได้รับความคุ้ม 3 ต่อ ทั้งส่วนลดและยอดเงินคืน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 – 30 เมษายน 2566 ด้วย โดยความคุ้มค่า 3 ต่อ สำหรับลูกค้า KMA ประกอบด้วย
ต่อที่ 1 รับส่วนลดทันที 5% จากร้านทาเคยะ เมื่อมียอดซื้อตั้งแต่ 5,000 เยนเป็นต้นไป
ต่อที่ 2 รับคืนภาษีสูงสุด 10% (Tax refund) เมื่อมียอดซื้อตั้งแต่ 5,000 เยนเป็นต้นไป และยกเว้นสินค้าบางประเภทที่ลดภาษี 8%
ต่อที่ 3 รับเงินคืน 5% จากกรุงศรี หรือสูงสุดไม่เกิน 300 บาท/ท่าน/เดือน
เรียกได้ว่า บริการ Krungsri QR Japan จะช่วยให้การชิม ช้อป ใช้ ของคนไทยในญี่ปุ่นจะสะดวกขึ้นมาก และยิ่งเป็นลูกค้าธนาคารกรุงศรีก็จะได้สัมผัสประสบการณ์นี้ก่อนใครด้วย ท่านใดที่มีแผนจะเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงเวลาดังกล่าวต้องไม่พลาดประสบการณ์ในการใช้ Krungsri QR Japan ด้วยประการทั้งปวง ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://bit.ly/3BzBVc0