จากแนวโน้มการเติบโตของอาหารญี่ปุ่นในไทยตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าแห่งอาหารญี่ปุ่นในไทยอย่าง “โออิชิ” (Oishi) ยังคงเดินหน้าปูพรมสาขาทั่วไทย ผ่านโมเดลและแบรนด์ที่หลากหลายตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ โออิชิ แกรนด์, โออิชิ อีทเทอเรียม, โออิชิ บุฟเฟต์, Nikuya , ชาบูชิ , โออิชิ ราเมน และ Kakashi 24
ที่น่าสนใจคือโมเดล “โออิชิ แกรนด์” แฟล็กชิฟที่มีเพียงสาขาเดียวของโออิชิ ที่แม้จะมีแค่สาขาเดียวแต่ในแง่ของภาพลักษณ์และยอดขาย ถือว่าโมเดลนี้คือแบรนด์เรือธงหลักที่ชูความเป็นอาหารญี่ปุ่นพรีเมี่ยมของทางค่ายได้อย่างชัดเจน ซึ่งหลังจากปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ล่าสุดไปเมื่อช่วงที่ผ่านมา และได้กลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบอีกครั้ง (1 ธันวาคม 2565 ทึ่ผ่านมา)
คุณนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ โออิชิ กล่าวกว่า ตลอดช่วงที่ผ่านมาทั้งสถานการณ์โควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในสังคม ส่งผลให้พฤติกรรมและวิถีชีวิตของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปในหลายๆด้าน มีความแตกต่างจากหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจร้านอาหารต้องมีการ Rethink เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ที่หลากหลาย โดยในส่วนของโออิชิเองก็ได้มีการปรับแผนงาน และปรับวิถีคิดในการทำธุรกิจหลายภาคส่วนเพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งในแง่ธุรกิจและด้านความยั่งยืน
สำหรับโมเดล “โออิชิ แกรนด์” ถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลเรือธงของโออิชิในระดับพรีเมี่ยมที่ประสบความสำเร็จมาต่อเนื่องยาวนาน โดยเปิดให้บริการมาแล้วกว่า 20 ปี โดยมีสาขาแรกที่ศูนย์การค้าสยาม ดิสคัฟเวอรี่ ก่อนจะย้ายมาที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อ 8-9 ปีที่ผ่านมา ก่อนจะย้ายมายังทำเลชั้น 4 ปัจจุบัน (โซนฟู้ด พาสสาจ) ภายใต้งบประมาณการรีโนเวตกว่า 20 ล้านบาท เพื่อรองรับตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ที่ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยอาหารยอดนิยมในไทยยังเป็น 3 อันดับแรก ยังคงเป็นอาหารญี่ปุ่น เกาหลี และไทย
สำหรับ “โออิชิ แกรนด์” โฉมใหม่ ตั้งอยู่ในโซน ฟู้ด พาสสาจ ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน (พื้นที่ใหม่) และแม้พื้นที่จะเล็กลงกว่าเดิม ที่ 400 ตร.ม. 130 ที่นั่ง จากพื้นที่เดิมเกือบ 600 ตร.ม. 200 ที่นั่ง โดยบรรยากาศภายในถูกออกแบบตกแต่งแบบญี่ปุ่นร่วมสมัย จัดพื้นที่ให้ยืดหยุ่นรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ บนแนวคิด The Ultimate Experience of All-Time Favorite and Real Japanese Taste หรือ หรือ “ให้ทุกคำ…ผสานรสชาติต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ ๆ พร้อมสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยครั้งใหม่…ไม่มีที่สิ้นสุด”
ขณะที่เมนูภายในร้านเน้นความเป็นวาไรตี้ของความเป็นอาหารญี่ปุ่นแบบ 100% วัตถุดิบนำเข้าจากตลาดญี่ปุ่น มากกว่า 140-200 เมนู (ขณะที่โออิชิแกรนด์เดิมมี 120 เมนู) เน้นเจาะกลุ่มครอบครัว นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว
โดยจะเน้นอาหารประเภทซูชิจากประเทศญี่ปุ่น หรือความเป็น “Sushi Destination” ที่มีไฮไลท์คือความสด ใหม่ เพื่อตอบ Customer Insight ของลูกค้า ในยุคหลังโควิดที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และซูชิคือเมนูยอดนิยมอันดับแรกๆที่ผู้บริโภคนึกถึง ควบคู่กับเมนูวาไรตี้มากมายตั้งแต่ ซูชิระดับโอมากาเสะ และซาชิมิ ชิ้นโต ด้วยวัตถุดิบนำเข้าจากตลาดปลาชั้นนำของญี่ปุ่น พร้อมอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับหลากหลาย
นอกจากนี้ ยังมีเมนูพิเศษ ที่จัดเตรียมไว้เป็นของขวัญ และให้บริการแก่แฟนๆ โออิชิ แกรนด์ คือ เมนู “ซานุกิ อุด้ง หอยเชลล์ย่าง ซอสเมนไทโกะ” ที่ผสานความอร่อยของเส้นซานุกิอุด้ง (นำเข้าจากเมืองคางาวะ) เสิร์ฟพร้อมหอยเชลล์ย่างตัวโต และ เมนู “ชูชิกุ้งแม่น้ำ เนื้อปูซูไว ซอสล็อบสเตอร์” โรยหน้าด้วยเนื้อปูซูไว (นำเข้าจากฮอกไกโด โดยพร้อมเสิร์ฟเฉพาะช่วงเวลาโอกาสพิเศษเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 1 ธันวาคม 2565 – 28 กุมภาพันธ์ 2566
นอกจากเรื่องความเป็นญี่ปุ่นแบบขั้นสุดแล้ว “โออิชิ แกรนด์” ยังมาพร้อม 4 กลยุทธ์ในการรุกตลาด ได้แก่ 1.ส่งมอบประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับ 2.นำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติต่างๆมาใช้บริการ สั่งสั่งอาหาร คิวอาร์โคท ฯลฯ 3.ปรุงอาหารแบบจานต่อจาน Made-to-Order รักษาคุณภาพของอาหาร และ 4.ทั้งหมดเพื่อผลักดันให้สู่เป้าหมายในการลดปริมาณการสูญเสียอาหาร หรือ Food Lossในการทำธุรกิจ โดยวางเป้าหมาย Zero Food Waste ในปี 2030 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารของโออิชิทั้งระบบ
ด้านราคาบริการบุฟเฟ่ต์ จะมีการปรับขึ้นเล็กน้อย ตามภาพลักษณ์ที่ดูพรีเมี่ยมมากขึ้น ควบคู่กับการปรับขึ้นราคาเพื่อบาลานซ์ต้นทุนหลังภาพรวมวัตถุดิบหลายอย่างมีการปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา โดยราคาใหม่ของ “โออิชิ แกรนด์” สาขาสยามพารากอน ประกอบไปด้วย 3 ระดับราคา ซึ่งแต่ละโซนสามารถรับประทานและใช้บริการรับประทานอาหารได้ไม่จำกัด ภายในระยะเวลา 2 ชั่วโมงเต็ม ได้แก่
- Premium Buffet : อิ่ม ฟิน ไม่อั้น กับซูชิและซาซิมิ ยอดนิยม กว่า 140 รายการ ราคา 1,059 บาท++
- Platinum Buffet : อิ่ม ฟิน ไปอีกขั้น กว่า 190 เมนูระดับแพลทินัม อาทิ เนื้อวากิว ,ซูชิโฮตาเตะย่างซอสอูนิ ฯลฯราคา 1,659 บาท++
- Prestige Buffet :อิ่ม ไม่อั้น ขั้นสุด ด้วยเมนูพิเศษระดับเพรสทีจ อาทิ เนื้อวากิวญี่ปุ่นA4 ,ซูชิโทโร่คาเวีย ฯลฯ กว่า 200 เมนู ราคา 2,659 บาท++
นอกจากสาขาดังกล่าวแล้วทางบริษัทมีแผนจะขยายสาขาโมเดลเดียวกับ “โออิชิ แกรนด์” เพิ่มอีก 1-2 สาขา ในทำเลศักยภาพ ซึ่งในปี 2566 จะได้เห็นแฟล็กชิฟ “โออิชิ แกรนด์” เพิ่มอีก 1 สาขา ที่โครงการ One Bangkok
อ่านเพิ่มเติม
ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่มฟื้นหลังโควิด “โออิชิ” โชว์ฟอร์ม Q3 โกยรายได้ 3.3 พันล้านโตเพิ่ม 120.5%