แนวคิดการขับเคลื่อนโครงการ Decarbonized Sustainable City เป็นส่วนหนึ่งของแผนการผลักดันเมืองพัทยาสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ ที่ทางโตโยต้า ได้เข้ามาช่วยเติมเต็มนโยบายดังกล่าว ผ่านการวางแผนพัฒนาระบบคมนาคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และได้นำร่องมาใช้ในเมืองพัทยา
พร้อมทั้งมีส่วนช่วยในการวางระบบการเดินทางขนส่งหลากหลายรูปแบบ ตามแนวทาง Multi-Pathway หรือกลยุทธ์การเตรียมความพร้อมในหลากหลายแนวทาง ด้วยการนำเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแห่งอนาคต ทั้งรถยนต์พลังงานทางเลือกและรถยนต์พลังงานสะอาดมาใช้ในระบบขนส่งสาธารณะของเมือง อาทิ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEVs) อย่าง Toyota Prius Prime รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) อย่าง Lexus UX300e และ C+ pod รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) อย่าง Toyota Mirai และอื่นๆ สำหรับการเดินทางได้ครอบคลุมทั้งระยะสั้น กลาง หรือยาว ตลอดจนการจัดเตรียมความพร้อมของสถานีจ่ายพลังงานทางเลือกประเภทต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ทั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า และพลังงานสะอาดอย่างไฮโดรเจน เพื่อรองรับการใช้งานของประชาชน
ถือเป็นโอกาสให้ผู้ขับขี่ได้มีประสบการณ์ร่วมและทดลองเดินทางอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้รถยนต์พลังงานสะอาดในเมืองพัทยาเป็นครั้งแรก ผ่านโครงการเมืองที่ยั่งยืนและปราศจากมลภาวะ Decarbonized Sustainable City เพื่อร่วมผลักดันให้เกิดสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และบรรลุเป้าหมายในการปล่อยมลภาวะเป็นศูนย์ (Zero Emission) ร่วมสร้างเมืองท่องเที่ยวที่สะอาด พร้อมช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างโตโยต้าและเมืองพัทยา เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบคมนาคมด้วยการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ
การขับเคลื่อนโครงการ Decarbonized Sustainable City ในเมืองพัทยานั้น ได้วางเป้าหมายสำคัญไว้คือ การลดมลภาวะต่างๆ ให้เป็นศูนย์ ไม่ว่าจะเป็น Co2 หรือฝุ่น PM2.5 ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มรายได้และสร้างเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ชุมชน ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนตามกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่ต้องดูแลทั้งธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้แข็งแรงครบทุกมิติ
วาง Multi Pathway สร้างเมืองไร้มลพิษ
โตโยต้าได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการพัฒนาการเดินทางด้วยพลังงานสะอาดที่หลากหลาย เพื่อสามารถรองรับความแตกต่างของแต่ละพื้นที่ หรือความต้องการที่ไม่เหมือนกันของแต่ละคน เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการใช้งาน หรือรูปแบบการใช้ชีวิต ซึ่งทุกคนสามารถสัมผัสได้โดยตรง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ามาช่วยตอกย้ำและสร้างความมั่นใจที่มีต่อการใช้งานยานยนต์พลังงานสะอาดเหล่านี้ให้สามารถขยายการใช้งานไปยังพื้นที่ต่างๆ ในวงกว้าง รวมทั้งช่วยขยายสัดส่วนการใช้งานในภาพรวมของทั้งประเทศให้เติบโตได้ในอนาคตต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นกลางทางคาร์บอนแห่งแรกนอกโรงงาน หรือรู้จักกันในนาม โตโยต้า เมืองสีเขียว ที่อยุธยา เเละขณะนี้ได้ยกระดับจากการสร้างศูนย์การเรียนรู้ไปสู่การสร้างชุมชนต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะ ซึ่งได้รับความร่วมมือกับเมืองพัทยา โดยโตโยต้าได้มีการนำรถยนต์พลังงานสะอาดหลากหลายรูปแบบมาให้ทดลองใช้บริการ เพื่อตอบสนองการเดินทางที่มีความหลากหลาย เเละในอนาคตจะรวมไปถึงระบบรถสาธารณะในเมืองพัทยา เพื่อรองรับการใช้งานของประชาชนและนักท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิด Eco Tourism ด้วย
โมเดลนำร่องครั้งนี้ ช่วยทำให้เกิดความมั่นใจได้ถึงศักยภาพในการเตรียมความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อเข้ามารองรับระบบการเดินทางแห่งอนาคตในช่วงของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคการใช้พลังงานสะอาด ทั้งความพร้อมด้านสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งสถานีจ่ายพลังงานสะอาด
โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่มีโอกาสเข้าไปเรียนรู้สถานีเติมไฮโดรเจนแห่งเเรกของประเทศไทย รวมทั้งได้ทดลองขับขี่รถ C+Pod รถยนต์ไฟฟ้า BEV ของโตโยต้าด้วยตัวเอง ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ ตลอดเส้นทาง พร้อมสำรวจจุดชาร์จรถ EV station ที่มีให้บริการในระหว่างเส้นทาง เพื่อสร้างความมั่นใจต่อความพร้อมของ EV Ecosystem ทั้งระบบในเมืองพัทยา
ประสบการณ์จากโครงการนำร่องครั้งนี้ จึงได้ทั้งความรู้ รวมทั้งสร้างความตื่นเต้นกับการเปลี่ยนผ่านเมืองไปสู่สังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ที่เราทุกคนสามารถขับรถยนต์ได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงานทางเลือก ที่โตโยต้าได้เตรียมความพร้อมเอาไว้ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อร่วมสร้างเมืองที่มีอากาศสะอาด ไม่มีมลภาวะ ซึ่งโตโยต้าได้พิสูจน์ให้เห็นได้ด้วยตัวเองจากเมืองต้นแบบ Decarbonized Sustainable City ที่พัทยาในครั้งนี่ ซึ่งคงจะดีไม่น้อยหากขยายโมเดลเช่นนี้ไปสู่หลายๆ เมืองทั่วทั้งประเทศได้ในอนาคต