ศธ. จัดงานเพื่อช่วยเหลือครูไทยเรื่องการเงิน พร้อมแนะแนวการวางแผนการเงิน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตครูไทยและบุคลากรทางการศึกษาให้มีสภาพคล่อง ลดความเครียดในการใช้ชีวิต ส่งผลให้คุณภาพการทำงานที่ดีขึ้น
ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย “Unlock a Better Life” สร้างโอกาสใหม่เพื่อครูไทยที่ดีกว่า พร้อมด้วย นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, คณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ, คณะผู้บริหารหน่วยงานและสถาบันการเงิน โดยมีครูและบุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วมงาน
จากนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ตั้งเป้าให้ปี พ.ศ. 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน โดยกระทรวงศึกษาธิการดูแลสวัสดิการและ สวัสดิภาพของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พบว่า กว่า 80% ของครูไทยในปัจจุบันประสบปัญหาภาวะหนี้สินที่มีหนี้สินรวมกันกว่า 1.4 ล้านล้านบาท จึงแนวทางเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน โดยจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย “Unlock a Better Life” สร้างโอกาสใหม่ให้กับครูไทยแก้ปัญหาเรื่องภาระหนี้ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้, ลดดอกเบี้ยและค่างวดรายเดือน, จัดตั้งสถานีแก้หนี้ร่วมช่วยแก้ปัญหาลดหนี้สินพร้อมการให้ความรู้ทางด้านวินัยการเงินและการลงทุน สร้างความแข็งแรงให้กับครูไทยได้มีสุขภาพทางการเงินที่ดี
โดยการช่วยเหลือลดภาระหนี้ให้กับครูไทยกระทรวงศึกษาธิการได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ พร้อมทั้งสถาบันการเงิน ร่วมกำหนดแนวทาง ลดภาระหนี้โดยรวมของครูไทยให้ลดน้อยลง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งระบบอย่างยั่งยืน ภายใต้แผนกลยุทธ์ที่สำคัญคือ
- การลดดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อให้ครูได้มีภาระหนี้สินที่ลดลง
- ควบคุมยอดหนี้เพื่อไม่ให้เกินความสามารถในการชำระเพื่อให้ครูมีเงินคงเหลือไม่น้อยกว่า 30% เพื่อลดปัญหาการก่อหนี้ เพิ่มหนี้ใหม่
- ปรับโครงสร้างหนี้ โดยรวมหนี้มาไว้กับสถาบันการเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และชะลอการดำเนินการทางกฎหมาย
- จัดตั้งสถานีแก้หนี้ให้คำปรึกษากับครู
- ติดอาวุธให้ความรู้เสริมทักษะทางการเงินแก่ครูเพื่อต่อยอดในการลงทุน สร้างความแข็งแรงทางด้านการเงินอย่างยั่งยืน
โดยในงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย “Unlock a Better Life” สร้างโอกาสใหม่ เพื่อชีวิตครูไทยที่ดีกว่า ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากสถาบันการเงินชั้นนำและองค์กรต่างๆ ได้แก่ ธนาคารออมสิน, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารอาคารสงเคราะห์, บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.), กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และกรมบังคับคดี ร่วมมือกันในครั้งนี้ พร้อมมุ่งเป้าช่วยไกล่เกลี่ยหนี้ของครูไทยที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีหรือถูกบังคับคดีทางกฎหมาย รวมทั้งผู้ค้ำประกัน เป็นมูลค่ากว่า 6,021 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ยังมีกิจกรรมหลักภายในงาน ได้แก่ การเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนของการฟ้องร้องดำเนินคดี การปรับโครงสร้างหนี้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูและสถาบันการเงิน การให้บริการวางแผนและให้คำปรึกษาการออม การกู้ยืม และการลงทุน รวมถึงการอบรมให้ความรู้ด้านการเงิน และการบริหารจัดการหนี้สิน เพื่อให้ครูมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น