หลังผ่านสถานการณ์โควิด ผู้คนคุ้นเคยกับการทำงาน Work from Anywhere ทำให้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป เป็นทั้งการทำงานและใช้ชีวิตเหมือนอยู่บ้าน กลายเป็น New Normal ในยุคนี้ การจะดึงพนักงานกลับสู่ออฟฟิศ บทบาทของสถานที่ทำงานจึงต้องปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ใหม่
AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือทีซีซี กรุ๊ป สร้าง Benchmark ใหม่ให้กับธุรกิจอาคารสำนักงาน ด้วยโมเดล Co-Living Space ดึงความเป็นบ้านมาไว้ในชีวิตการทำงานที่ออฟฟิศ เป็นรายแรกในประเทศไทยที่ใช้โมเดลนี้ เพื่อสร้าง Global Workforce Destination ดึงบริษัทข้ามชาติที่ต้องการมาเปิดสำนักงานในไทย เข้ามาใช้พื้นที่ออฟฟิศ
โดยเปิดตัวโมเดล Co-Living Collective แห่งแรกที่อาคาร “เอ็มไพร์” Co-Living Space ด้วยงบลงทุน 1,000 ล้านบาท
เปิดโมเดล Co-Living Space
คุณวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่าปัจจุบันอาคาร “เอ็มไพร์” สำนักงานเกรด A มีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เป็นออฟฟิศกลางเมืองย่านสาทร มีพื้นที่สำนักงาน 3 อาคาร สูง 58 ชั้น พื้นที่ให้เช่ารวม 158,021 ตารางเมตร ในช่วงโควิด 3 ปีที่ผ่านมา ยังรักษาอัตราการเช่าพื้นที่ได้ 70% โดยสัดส่วน 74% เป็นบริษัทข้ามชาติ
ปัจจุบันพื้นที่เช่าสำนักงานเกรด A มีคู่แข่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อีกทั้งหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายองค์กรต่างๆ เริ่มกลับมาขยายธุรกิจ ดังนั้นการจะดึงผู้เช่าใหม่ๆ มาใช้พื้นที่ จึงต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก (facilities) ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานที่เปลี่ยนไป
AWC จึงพัฒนาโมเดล Co-Living Collective เริ่มที่อาคารเอ็มไพร์ ด้วยการออกแบบพื้นที่ทำงานใหม่ผสมผสานการทำงานและการใช้ชีวิต (เหมือนอยู่บ้าน) เข้าด้วยกันได้ โดยใช้พื้นที่ 1,500 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บนชั้น 53 สร้าง The Residence at Empire Co-living ออกแบบตกแต่งให้มีบรรยากาศเหมือนบ้าน โดยผู้เช่าพื้นที่เอ็มไพร์ใช้ฟรี
พื้นที่ Co-Living พัฒนามาจากอินไซต์ของคนทำงานที่ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ ประกอบด้วย
– ห้องนั่งเล่น (Living Room) พื้นที่สันทนาการเพื่อการพักผ่อน เพลิดเพลินกับเกมคอนโซล โต๊ะพูล และโต๊ะปิงปอง
– ห้องงีบหลับ (Nap Lounge) ในวันที่ทำงานหนักหรือพักผ่อนไม่พอ
– ห้องอาบน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
– ห้องครัวแบบเปิดส่วนกลาง และพื้นที่รับประทานอาหาร
– ห้องสำหรับเด็ก (Kids Room) พื้นที่ให้เด็กๆ มานั่งเล่น ทำการบ้าน หลังเลิกเรียน เพื่อรอคุณพ่อคุณแม่กลับบ้าน
– ห้องดูแลลูก (Nursing Lounge) เปลี่ยนผ้าอ้อม ห้องปั๊มนมสำหรับคุณแม่ลูกอ่อน
– พื้นที่สำหรับดูแลสัตว์เลี้ยง (Pet’s Hotel)
นอกจากนี้ยังมีโซนพื้นที่ทำงานร่วมกัน ประกอบด้วยพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่ทำงานส่วนตัว พื้นที่สำหรับประชุม Circle Club Chat Board และ AWC Lifestyle Office โมเดลของพื้นที่ทำงานร่วมกันแบบ Hot Seat ด้วยระบบการจองล่วงหน้า
“วันนี้ธุรกิจอสังหาฯ ไม่ว่ารูปแบบใดต่างรวมกันเป็น Mixed Development ทั้งพื้นที่เชิงพาณิชย์ ฮอสพิทาลิตี้ รีเทล โมเดลใหม่ของ AWC ได้รวม Home เข้ามาด้วย เป็นการนำการใช้ชีวิตเหมือนในบ้านมาไว้กลางเมืองให้บริการกับพาร์ทเนอร์ผู้เช่าทั้งหมดให้บริการฟรี”
ปั้น Rooftop F&B กลางกรุง
นอกจากนี้ตึกเอ็มไพร์ ยังเตรียมเปิดตัว EA Rooftop บริการ F&B ร้านอาหารนานาชาติและเครื่องดื่มหลากหลาย บนชั้นดาดฟ้าแห่งใหม่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บนชั้น 55 – 58 พื้นที่รวม 9,000 ตารางเมตร (พื้นที่ขนาดคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็ก) เห็นวิวกรุงเทพฯ 360 องศา ประกอบด้วย
– ชั้น 55 ภัตตาคารและร้านอาหารนานาชาติ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในรูปแบบ Creative Cuisine เช่น อาหารอินเดีย เวียดนาม รวมทั้ง ร้าน % Arabica ที่จะเปิดเป็นสาขาแบบ Sky Café แห่งแรกของโลก, The Cassette Music Bar แฮงเอาท์คลับยอดนิยมของชาวกรุงเทพฯ เป็นต้น
– ชั้น 56 “EA” (เอ-ยา) ร้านอาหารที่โดดเด่นบนยอดตึกใจกลางกรุง ที่ผสมผสานระหว่างบาร์ ภัตตาคาร เป็นรูปแบบ All-day dining Experience อีกจุดหมายของกรุงเทพฯ
– ชั้น 57 – 58 บริการจากแบรนด์ไลฟ์สไตล์หรูระดับโลกครั้งแรกในประเทศไทย โดยเชฟ Nobu Matsuhisa เชฟผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารญี่ปุ่น-เปรู ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ให้บริการทั้งพื้นที่อินดอร์และเอาท์ดอร์ ออกแบบตกแต่งร้านโดยบริษัทออกแบบระดับตำนานอย่าง Rockwell Group
การให้บริการพื้่นที่สำนักงานของ AWC ได้ผนวกรวมบริการรูปแบบโรงแรม (Hotelization) เข้ามาด้วย โดยให้สิทธิประโยชน์และข้อเสนอผ่านแอพพลิเคชั่น AWC Infinite Lifestyle (AWI) ไม่ว่าจะเป็น บริการคอนเซียร์จ และบริการรูมเซอร์วิสต่างๆ สามารถใช้บริการจากโรงแรมในเครือ AWC ได้ทั่วประเทศในทุกโลเคชั่น
นอกจากนี้ยังมีบริการ Swing Floor พื้นที่ทำงานชั่วคราวสำหรับผู้เช่าระหว่างการออกแบบตกแต่งสำนักงาน ที่มีการตกแต่งบางส่วนหรือทั้งหมดด้วยวัสดุและอุปกรณ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้เช่า เช่น ฉากกั้นแบบยืดหยุ่น เฟอร์นิเจอร์โมดูลาร์ ตลอดจนให้คำปรึกษาในการออกแบบและตกแต่งสำนักงาน
การเพิ่มพื้นที่ Co-Living และ Rooftop รวมทั้งการปรับพื้นที่ต่างๆ ในอาคารเอ็มไพร์ จะทยอยแล้วเสร็จและเปิดให้บริการเป็นส่วนๆ ตั้งแต่ไตรมาส 2 ถึง ไตรมาส 4 ปีนี้ ปัจจุบันมีบริษัทข้ามชาติในกลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์, ไลฟ์สไตล์, สตาร์ทอัพ, โซเชียลแอพ ให้ความสนใจจะเข้ามาเช่าพื้นที่ออฟฟิศเพิ่มขึ้นในปีนี้
หลังเปิดตัวโมเดล Co-Living ในพื้นที่สำนักงานแห่งแรกที่อาคารเอ็มไพร์แล้ว จะนำโมเดลนี้ไปพัฒนาต่อในอาคารสำนักงานอื่นๆ ของ AWC ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น แอทธินี ทาวเวอร์, อาคาร 208 ถนนวิทยุ และอาคารอินเตอร์ลิงค์ บางนา
“เชื่อว่าโมเดล Co-Living ที่เอ็มไพร์ จะมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็น Global Workforce Destination และเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งในใจของคนทำงานรุ่นใหม่”