ขอบคุณภาพจาก amsterdam.nl
เปิดแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับ “ลานจอดจักรยานขนาดยักษ์ใต้น้ำ” ของเนเธอร์แลนด์ มูลค่า 60 ล้านเหรียญยูโร หรือประมาณ 2,138 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม หวังตอบโจทย์ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวที่นิยมใช้จักรยานเป็นพาหนะในการเดินทางอย่างมากนั่นเอง
เหตุที่เมืองอัมสเตอร์ดัมต้องพัฒนาที่จอดรถดังกล่าวมาจากข้อมูลของทางเมืองที่พบว่า ชาวเมือง 35% มีการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน และยังพบว่าในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาที่เมืองมากถึง 200,000 คน โดยในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งใช้จักรยานเป็นพาหนะ ซึ่งทำให้มีภาพของการจอดจักรยานหน้าสถานี Central จนเต็มไปหมดออกไปสู่โลกออนไลน์ และทำให้สถานี Central เป็นจุดน่าสนใจในการท่องเที่ยว แต่ในอีกด้านหนึ่ง หากจัดการไม่ดี ก็มีโอกาสทำให้เนเธอร์แลนด์เสียชื่อเสียงได้เช่นกัน เช่น ปัญหาด้านการโจรกรรม หรือจักรยานที่ถูกทิ้งเอาไว้ ฯลฯ
ขอบคุณภาพจาก amsterdam.nl
เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ เนเธอร์แลนด์จึงตัดสินใจสร้างที่จอดรถจักรยานขนาดใหญ่ขึ้นที่ใต้ดิน โดยใช้เวลาในการสร้างนานถึง 4 ปี ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการในเฟสแรกนั้น พบว่า สามารถรองรับจักรยานส่วนบุคคลได้ 6,300 คัน และมีพื้นที่สำหรับธุรกิจเช่าจักรยานอีก 700 คัน และในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะมีการเปิดเฟส 2 ซึ่งจะรองรับจักรยานเพิ่มขึ้นอีก 4,000 คัน รวมทั้งหมดเป็น 11,000 คันเลยทีเดียว
นอกจากนั้น เพื่อความสะดวกของการเข้าใช้สถานที่ จึงมีการออกแบบให้มีทางเลื่อนพาลงไปลานจอดรถใต้ดิน และเมื่อจอดเสร็จแล้วก็มีบันไดเลื่อนเชื่อมต่อไปยังสถานี Central Station ของทางเมืองเพื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย
ขอบคุณภาพจาก amsterdam.nl
สำหรับการคิดค่าบริการ จุดจอดจักรยานแห่งนี้สามารถจอดได้ฟรีใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นจะคิดค่าบริการวันละ 1.35 เหรียญยูโรต่อวัน และมีป้ายดิจิทัลแสดงให้ทราบด้วยว่า เหลือที่จอดรถจักรยานเท่าไรด้วย
ขอบคุณภาพจาก amsterdam.nl
ผลก็คือ นอกจากจะแก้ปัญหาเรื่องการจอดจักรยานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ชาวอัมสเตอร์ดัมยังได้พื้นที่หน้าสถานี Central ที่โล่งสบายตากลับคืนมา ซึ่งเชื่อว่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางอื่น ๆ ได้มากมาย มีการแซวกันด้วยว่า ที่จอดรถจักรยานยักษ์ใหญ่ใต้น้ำแห่งนี้ได้ทำให้บริเวณหน้าสถานี Central ย้อนยุคจนดูคล้ายกับปี 1990 ที่ในตอนนั้นกรุงอัมสเตอร์ดัมยังไม่มีรถราวิ่งกันขวักไขว่เหมือนในปัจจุบันนั่นเอง