นับจาก OR IPO ในปี 2564 จังหวะเข้ามารับตำแหน่งของ “ดิษทัต ปันยารชุน” ซีอีโอคนที่ 2 ขององค์กร จึงเป็นช่วงเวลา Take off “ติดปีก OR” ทะยานไปสู่การเติบโตใหม่ ตามวิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth ร่วมกับพันธมิตร ด้วยแนวคิดที่ว่า “พาร์ทเนอร์โต เราโตด้วย นี่คือความยั่งยืน ของ OR”
ในบทบาทซีอีโอคนใหม่ คุณดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ให้มุมมองแนวคิด “ติดปีก OR” ขับเคลื่อนองค์กร 4 เรื่องหลักที่ว่าด้วย RISE OR
R-Result การมุ่งสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้ในระยะเวลาอันสั้น
I- Intelligence การตัดสินใจที่ฉลาดบนพื้นฐานของข้อมูลข่าวสารที่มีประสิทธิภาพ ใช้ฐานข้อมูลขององค์กรที่มีอยู่จำนวนมากมาสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ
S- Synergy การผนึกกำลังของธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. ใช้พลังทั้งสองอย่างนี้ทำให้ OR เติบโตไม่ที่สิ้นสุด
E- Entrepreneurship สร้างบทบาทให้ทุกคนในองค์กรต้องมี Mindset เป็นเจ้าของกิจการ เพื่อใช้พลังนี้ขับเคลื่อนองค์กรเติบโตไปด้วยกัน
กางแผน 5 ปี ลงทุน ‘แสนล้าน’
มาดูแผนปฏิบัติการ เริ่มจากการลงทุน 5 ปี (ปี 2565-2570) จำนวน 101,486 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์การเติบโตแบบ Outside –In Growth ใช้ประโยชน์จากจุดแข็ง OR Asset
ไม่ว่าจะเป็น เครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น กว่า 2,473 แห่ง, ร้านคาเฟ่ อเมซอน 4,051 สาขา, ร้านสะดวกซื้อ 2,138 แห่ง, เครือข่ายร้านค้าต่าง ๆ ที่เป็น Physical Platform ควบคู่กับ Digital Platform เพื่อสร้างคุณค่าร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจ ก่อให้เกิด “Inclusive Growth Platform” ส่งต่อโอกาสให้กับผู้ประกอบการทุกขนาดเติบโตไปพร้อมกับ OR ภายใต้การลงทุน 4 กลุ่มหลัก
– Mobility 31,355.1 ล้านบาท สัดส่วน 30.9%
– Lifestyle 33,861.7 ล้านบาท สัดส่วน 33.3%
– Global Market 16,410.3 ล้านบาท สัดส่วน 16.2%
– Innovation & New Business 19,859.7 ล้านบาท สัดส่วน 19.6%
ตามแผนธุรกิจปี 2573 หรือปี 2030 เพื่อผลักดันให้เกิด Inclusive Growth Platform การเติบโตในธุรกิจของ OR ร่วมกับพันธมิตรใน 4 ธุรกิจ
1. Seamless Mobility คือความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าพลังงานจะไปในทิศทางไหน OR จะมุ่งสู่ทิศทางนั้น โดยเฉพาะพลังงานสะอาด ในปี 2573 วางเป้าหมายขยายจุดชาร์จไฟฟ้า EV Station Plus ให้ได้ 7,000 แห่งทั่วประเทศไทย กับเป้าหมาย OR ต้องเป็นผู้นำ EV
2. All Lifestyles ทั้งธุรกิจ F&B ที่ลงทุนเองและเข้าไปร่วมทุน นับตั้งแต่ OR เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ร่วมทุนกับหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น โอ้กะจู๋, โคเอ็นซูชิ, Kamu Kamu, Peaberry Thai (ร้านกาแฟ Pacamara), บุญรอดฯ ,ดุสิตธานี, กลุ่มสตาร์ทอัพ Pomelo, Carsome, freshket, GoWabi, Protomate, Hungry Hub, Hangry กลุ่มท่องเที่ยว tralveloka กลุ่มธุรกิจบริหาร Otteri, Flash Group และยังเดินหน้าการแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มของ OR
3. Global Market เป็นตลาดที่เติบโตได้แบบไม่มีขีดจำกัด จากเน็ตเวิร์กที่มีจำนวนมาก การทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่มีความเข้มแข็ง เพื่อนำ OR ไปสู่ยุคใหม่ในตลาดโลก ปัจจุบัน OR มีบริษัทย่อยทำธุรกิจอยู่ใน 10 ประเทศ และจะขยายต่อเนื่องในประเทศที่มีจีดีพีเติบโตสูง เป้าหมายปี 2573 จะขยายให้ได้ 20 ประเทศ และพาแบรนด์ไทยไปขยายธุรกิจร่วมกับ OR ด้วย
4. OR Innovation เป็นนวัตกรรมที่ทำให้ สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ไม่ใช่เทคโนโลยีขั้นสูง แต่เป็นการคิดค้นกระบวนการทำงาน ผลิตภัณฑ์ใหม่ มีทั้งการร่วมทุนถือหุ้น ซื้อกิจการ ตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ ผ่าน ORZON Ventures เปิดโอกาสให้พาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมเติบโตไปกับ OR
ปัจจุบันโครงสร้างรายได้ OR มาจาก Core Business กลุ่ม Mobility 70% Lifestyle 20% ที่เหลือมาจาก Global Market และ Innovation ตามแผนลงทุน 5 ปี โฟกัสการลงทุนไปที่กลุ่ม Lifestyle มากขึ้น โดยวางเป้าหมายรายได้และกำไร สัดส่วน 50% มาจากการดำเนินธุรกิจที่เป็นพันธมิตรกับ OR เพราะเมื่อ “พาร์ทเนอร์โต เราโตด้วย นี่คือความยั่งยืน ของ OR ในระยะยาว”
โรดแมพ SDG ชุมชนต้องรัก OR
อีกภารกิจสำคัญที่ซีอีโอใหม่ต้องสานต่อ คือ Sustainability for Future การสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ในแบบฉบับของ OR
S – SMALL โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก (Opportunities for Communities) ผ่านการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน ครอบคลุมทั้งในพื้นที่ที่ OR ดำเนินธุรกิจและชุมชนรอบพื้นที่ธุรกิจมากกว่า 15,000 ชุมชน หรือกว่า 12 ล้านชีวิต ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
D – DIVERSIFIED โอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ (More Partners, Products and Services) ผ่านศักยภาพของ OR ที่จะเป็น Platform ในการกระจายโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลายและครอบคลุม พร้อมเติบโตไปด้วยกัน
G – GREEN โอกาสเพื่อสังคมสะอาด (Low Carbon Business Areas) ผ่านการส่งเสริม ธุรกิจทุกประเภทของ OR ให้เป็นธุรกิจสีเขียว เพื่อสนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำ อย่างยั่งยืน และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2030 ตลอดจนมุ่งสู่การบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ภายในปี 2050
การสร้างการเติบโต สร้างอาชีพ และการกระจายความมั่งคั่ง (Economic Prosperity) สู่คู่ค้า ผู้ถือหุ้น ผู้ประกอบการขนาดย่อม พนักงาน และชุมชนมากกว่า 1 ล้านราย
“เราวางแนวทางไว้ชัดเจนว่า สถานที่ใดที่ OR เข้าไปลงทุน ไม่ว่าจะเป็นสถานีบริการน้ำมัน, คลังน้ำมัน, ร้านค้าต่างๆ ในรัศมี 5 กิโลเมตร ต้องทำให้ชุมชนรอบข้างมีความสุข ต้อนรับ และรัก OR ถือเป็นความมุ่งมั่นที่ต้องทำให้ได้”
ในสถานการณ์การแข่งขันทางธุรกิจ ผู้นำอย่าง OR กำลังถูกท้าทาย จากดีล “บางจาก” ซื้อกิจการ ESSO ที่ทำให้สมรภูมินี้ดุเดือดขึ้น ซีอีโอใหม่ OR ยืนยันว่าพร้อมรับมือทุกการแข่งขัน จาก 4 กลุ่มธุรกิจที่เข้มแข็ง และการ ผนึกกำลังร่วมกับเครือ ปตท. มั่นใจว่าสามารถแข่งขันในตลาดและเติบโตไปพร้อมกับพันธมิตรใหม่ๆ ที่จะเข้ามาอยู่ร่วมกันในแพลตฟอร์มแห่งโอกาสกับ OR
อ่านเพิ่มเติม