HomePR Newsบริษัท ยัสปาล รุกตลาดอาเชียน ตั้งเป้ายอดขายจากต่างประเทศปี 2566 เติบโตอย่างก้าวกระโดด ผ่านการขยายธุรกิจทั้งช่องทางร้านค้าและอีคอมเมิร์ซ [PR]

บริษัท ยัสปาล รุกตลาดอาเชียน ตั้งเป้ายอดขายจากต่างประเทศปี 2566 เติบโตอย่างก้าวกระโดด ผ่านการขยายธุรกิจทั้งช่องทางร้านค้าและอีคอมเมิร์ซ [PR]

แชร์ :

บริษัท ยัสปาล จำกัด ผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสินค้าแฟชั่นของไทย พร้อมมุ่งสู่ผู้นำ Regional Fashion and Lifestyle Retailer เผยเป้าหมายการขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศปี 2566 จะมียอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากยอดขายต่างประเทศ โดยตลาดต่างประเทศหลัก คือ กลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจในประเทศเวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย ทั้งนี้ในปี 2566 บริษัทจะขยายธุรกิจเข้าไปยังประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งนับเป็นประเทศที่มีแนวโน้มตลาดเติบโตสูงเพิ่มเติมอีกด้วย โดยชูแบรนด์เรือธงสำหรับการบุกตลาดอาเชียน อาทิ LYN, CC DOUBLE O, Jelly Bunny, Lyn around, CPS CHAPS และ JASPAL รวมไปถึงแบรนด์นำเข้าในกลุ่มพรีเมี่ยมแบรนด์และสปอร์ตแบรนด์ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

นายยศเทพ สิงห์สัจจเทศ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด กล่าวถึงแผนการขยายธุรกิจในต่างประเทศของบริษัทฯ ว่า “จากความสำเร็จของการเป็นผู้นำและเป็นหนึ่งผู้ขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกแฟชั่นของไทยมาตลอด บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายก้าวสู่การเป็น Regional Fashion and Lifestyle Retailer เพื่อต่อยอดการเติบโตของบริษัทฯ ด้วยการขยายร้านค้าของแบรนด์แฟชั่นต่าง ๆ ไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดอาเชียน ซึ่งหลายประเทศมีศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจสูง กลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อ และมีไลฟ์สไตล์ความชื่นชอบแฟชั่นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย โดยบริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทในเครือขึ้นในประเทศที่เข้าไปลงทุนขยายธุรกิจ เพื่อบริหารจัดการคุณภาพสินค้า บริการ และแนวทางการสื่อสารการตลาดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีและความประทับใจให้กับลูกค้าในแต่ละประเทศได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

ในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้บริหารร้านค้าแฟชั่นในต่างประเทศจำนวน 3 ประเทศ รวม 70 ร้าน ได้แก่ ประเทศกัมพูชา ประกอบด้วยแบรนด์  LYN (ลิน), CC DOUBLE O (ซีซี ดับเบิลโอ), Jelly Bunny (เจลลี บันนี), Lyn around (ลิน อราวด์), CPS CHAPS (ซีพีเอส แชปส์) LYN BEAUTY (ลินบิวตี้), MANGO (แมงโก), Super Dry (ซูเปอร์ดราย), FRED PERRY (เฟรด เพอร์รี่), Champion (แชมเปี้ยน), ASICS (เอสิคส์) และ NEW ERA (นิว อีรา) ส่วนประเทศเวียดนาม ประกอบไปด้วยแบรนด์ LYN, LYN BEAUTY, Jelly Bunny, Lyn around, FRED PERRY และ DIESEL (ดีเซล) และประเทศมาเลเชีย บริหารแบรนด์ Jelly Bunny

ในปี 2565 กลุ่ม In-House แบรนด์ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของเอง ได้มีการเปิดตัว LYN BEAUTY (ลิน บิวตี้) ที่ประเทศเวียดนามทั้งรูปแบบร้านค้าและช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จหลังจากที่ได้เปิดตัวในประเทศไทยแล้ว นอกจากนี้ในกลุ่มของแบรนด์ที่บริษัทฯ เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ ก็มีขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเปิดร้าน FRED PERRY แห่งแรกในประเทศเวียดนามและกัมพูชา, เปิดร้าน NEW ERA ในประเทศกัมพูชา และ DIESEL ในประเทศเวียดนาม รวมไปถึงการเปิดตัว StudioJPS.com เว็บไซต์จำหน่ายสินค้าแฟชั่นในรูปแบบของมัลติแบรนด์ของบริษัทฯ ที่ประเทศกัมพูชา เป็นต้น

การขยายธุรกิจสู่ตลาดอาเชียนในปี 2566 นี้ บริษัทฯ ได้วางแผนกลยุทธ์ทั้งด้านแบรนด์ที่จะเข้าไปทำตลาด และช่องทางการจำหน่าย ได้แก่

  • กลุ่ม In-House แบรนด์ของบริษัท ยัสปาล โดยบริษัทฯ ชูแบรนด์เรือธง ได้แก่ LYN, CC DOUBLE O, Jelly Bunny, Lyn around, CPS CHAPS และ JASPAL ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีฐานลูกค้าแข็งแกร่งในประเทศไทย และได้มีการเปิดตัวในต่างประเทศบ้างแล้ว โดยจะเพิ่มจำนวนช่องทางการจำหน่ายทั้งแบบร้านค้าและอีคอมเมิร์ช เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าให้ครอบคลุมได้มากยิ่งขึ้น โดยแบรนด์ JASPAL วางแผนเปิดร้านแรกที่ประเทศกัมพูชาภายในไตรมาสแรกของปี 2566
  • กลุ่มแบรนด์ที่บริษัท ยัสปาล เป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่าย บริษัทมีแนวทางที่จะเพิ่มแบรนด์ในกลุ่มนี้โดยเน้นกลุ่มแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม และกลุ่มสปอร์ตแบรนด์ เพื่อการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯ เป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายให้กับแบรนด์ MANGO, Super Dry, FRED PERRY, Champion, ASICS, DIESEL และ NEW ERA ให้กับหลายประเทศในอาเชียน
  • การขยายสาขาร้านค้า ร้านค้าแฟชั่นของแบรนด์ต่าง ๆ จะตั้งอยู่ในภายในศูนย์การค้าชั้นนำของแต่ละประเทศ ซึ่งมีการขยายตัวตามการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ และความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ นอกจากบริษัทฯ จะพิจารณาถึงโลเกชั่นของศูนย์การค้าที่จะเปิดร้านแล้ว บริษัทฯ ยังเลือกพื้นที่ในศูนย์การค้าที่มี Traffic คึกคัก ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้อีกด้วย โดยสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งคือ การออกแบบร้านค้าที่สวยงามและการจัดวางสินค้าที่ลงตัวตามมาตรฐาน เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในการแนะนำสินค้าให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับให้กับลูกค้า
  • การขยายธุรกิจผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญครอบคลุมทั้ง 4 แพลตฟอร์ม รวมกว่า 27 ช่องทางในอาเซียน สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างได้อย่างครอบคลุม ทั้งพฤติกรรมการช้อปปิ้งของลูกค้า และแนวโน้มการเติบโตของตลาดในแต่ละประเทศ ได้แก่ 1) เว็บไซต์เฉพาะของแต่ละแบรนด์
    2) มาร์เก็ตเพลสยอดนิยมในแต่ละประเทศ อาทิ Lazada, Shopee และ Zalola 3) มัลติแบรนด์เว็บไซต์ คือ com ที่มีจำหน่ายสินค้าหลากหลายแบรนด์ภายใต้การบริหารงานของบริษัทฯ ซึ่งเปิดให้บริการแล้วที่ประเทศกัมพูชา 4) โซเชียลคอมเมิร์ซ เช่น Facebook, TikTok และ LINE เป็นต้น ทั้งนี้ ในแต่ละแพลตฟอร์มบริษัทฯ มีทีมงานที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของแต่ละแพลตฟอร์มเป็นผู้บริหารจัดการ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้อย่างแท้จริง โดยประเทศมาเลเซียและเวียดนาม นับเป็นประเทศที่มีสัดส่วนรายได้จากอีคอมเมิร์ซสูงโดยอยู่ที่ประมาณ 9-10%

ข้อมูลจาก Statista คาดว่าในปี 2566 ตลาดเครื่องแต่งกายของประเทศไทยจะเติบโตขึ้นจากปี 2565 ที่ 3.1% โดยประเทศอื่น ๆ มีอัตราการเติบโตได้แก่ 7.7% ในประเทศเวียดนาม, 7.5% ในประเทศกัมพูชา, 8.2% ในประเทศมาเลเชีย และ 11.1% ในประเทศฟิลิปปินส์

“บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการขยายตลาดธุรกิจไปยังประเทศในอาเชียนทั้ง 4 ประเทศที่ตั้งเป้าหมายไว้ จะประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม ซึ่งจะต่อยอดธุรกิจของบริษัทฯ ก้าวสู่ผู้นำ Regional Fashion and Lifestyle Retailer อย่างแข็งแกร่งต่อไป” นายยศเทพ กล่าวสรุป


แชร์ :

You may also like