เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) โชว์ผลประกอบการไตรมาส 4 ของปี 2022 สุดแกร่ง โดยสามารถเพิ่มยอดสมาชิกแบบจ่ายเงิน หรือ Paid Subscribers ได้มากถึง 7.66 ล้านคน เหนือกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.5 ล้านคน ส่งผลให้หุ้นของ Netflix พุ่งทะยาน 6% ทันทีหลังการแถลง
อย่างไรก็ดี เนื่องจากไตรมาส 4 ของปี 2022 เป็นไตรมาสแรกที่ Netflix เริ่มมีบริการโฆษณาแทรกลงในคอนเทนต์เพื่อแลกกับค่าบริการที่ย่อมเยาขึ้น (บริษัทเริ่มเปิดตัวบริการดังกล่าวในเดือนพฤศจิกายน) จึงอาจเป็นไปได้ว่า ในตัวเลข Paid Subscribers ที่เพิ่มสูงมากนี้ อาจมาจากบริการดังกล่าวด้วยก็เป็นได้ โดยทางบริษัทไม่ได้เปิดเผยว่ายอด Paid Subscribers จำนวน 7.66 ล้านคนนั้น แบ่งเป็นสมาชิกกลุ่มใดบ้าง
สิ่งที่บริษัทให้ข้อมูลเพิ่มเติมมีเพียงการบอกว่า ไม่พบตัวเลขการปรับเปลี่ยนบริการของลูกค้าในระดับที่มีนัยสำคัญ และลูกค้าที่สมัครแผนระดับพรีเมียมก็มีน้อยมากที่จะเปลี่ยนมาซื้อบริการที่ราคาประหยัดกว่า
ทั้งนี้ Netflix ทำรายได้ในปี 2022 ไปมากกว่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และบริษัทได้เผยในการแถลงผลประกอบการด้วยว่า พวกเขาอาจเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก (ในปี 2022 เป็นปีที่ Netflix มีตัวเลข Subscribers ลดลงเป็นครั้งแรก ส่งผลให้หุ้นของบริษัทดิ่งมากถึง 60% ในช่วงเดือนเมษายน) แต่สุดท้ายก็สามารถจบปีลงได้ด้วยดี รวมถึงสามารถค้นหาเส้นทางที่ชัดเจนว่าจะสร้างการเติบโตของรายได้ให้องค์กรได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวบริการ Paid Sharing (จะเริ่มในไตรมาส 1 ของปี 2023) การดึงโฆษณาเข้ามา ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดคือการปรับปรุงและพัฒนาความคาดหวังที่มีต่อ Netflix ในทุกด้านให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไตรมาส 4 ที่ผ่านมาก็คือ ซีรีย์สุดแปลกอย่าง Wednesday สารคดี Harry and Meghan และภาพยนตร์ Glass Onion ของ Rian Johnson
สำหรับไตรมาส 1 ของปี 2023 นั้น บริษัทคาดการณ์ว่า รายได้จะเติบโตขึ้นราว 4% โดยมาจากจำนวน Paid Subscribers ที่เพิ่มขึ้น และเม็ดเงินที่ Paid Subscribers จ่ายให้กับแพลตฟอร์ม ส่วนบริการ Paid Sharing คือบริการที่ Netflix นำมาใช้เพื่อคิดค่าบริการเพิ่มกับลูกค้าที่มีการแชร์พาสเวิร์ดกับครอบครัว – เพื่อนที่ไม่ได้อยู่ในบ้านเดียวกันนั่นเอง ซึ่งบริษัทคาดการณ์ว่า Paid Sharing จะเป็นบริการที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทในไตรมาส 2 ของปี 2023 ด้วย