จากที่เคยเป็นข่าวฮือฮาเมื่อหลายปีก่อน เกี่ยวกับการพัฒนา “กล่องรับเด็กแรกเกิด” (Baby Box) เพื่อป้องกันปัญหาเด็กทารกถูกทิ้งเนื่องจากพ่อแม่อาจมีปัญหาไม่สามารถเลี้ยงดูได้นั้น ในตอนนี้ เริ่มมีหลายรัฐในสหรัฐอเมริกา อนุญาตให้ใช้กล่องดังกล่าวได้แล้วอย่างถูกกฎหมาย และหนึ่งในนั้นก็คือรัฐเคนตั๊กกี้ ที่ล่าสุดมีรายงานว่า กล่องรับเด็กแรกเกิดได้ทำหน้าที่ครั้งแรกของมันแล้วอย่างเป็นทางการ โดยมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเมือง Bowling Green เข้ามาดูแลเด็กทันทีที่ถูกวางในกล่อง
สำหรับแนวคิดเรื่องการพัฒนากล่องรับเด็กแรกเกิดถูกจุดขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อปี 2015 โดยองค์กรไม่แสวงกำไรชื่อ Safe Haven ที่ต้องการให้พ่อแม่ที่มีปัญหา ไม่สามารถเลี้ยงดูทารกได้ มีพื้นที่สำหรับนำทารกมาฝากให้หน่วยงานภาครัฐดูแลต่อไป แทนที่จะนำลูกไปทิ้งในที่ที่ไม่เหมาะสม ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับพ่อแม่จะไม่มีการบันทึกไว้
ปัจจุบัน รัฐเคนตั๊กกี้เป็นหนึ่งใน 16 รัฐของสหรัฐอเมริกาที่อนุญาตให้มีการใช้กล่องรับเด็กแรกเกิดดังกล่าว โดยเด็กที่ถูกรับมาจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับหน้าที่หาบ้านใหม่ให้ต่อไป ซึ่งกว่าที่รัฐเคนตั๊กกี้จะอนุญาตให้มีการติดตั้งกล่องดังกล่าวอย่างถูกกฎหมายก็พบว่ามีข้อกำหนดในการตั้งกล่องเอาไว้หลายประการ เช่น การกำหนดให้ติดตั้งในพื้นที่ที่มีเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมงอย่างสถานีตำรวจ, โรงพยาบาล หรือหน่วยดับเพลิง เพื่อที่ว่าเมื่อมีคนนำเด็กทารกมาวางไว้ ระบบในกล่องจะส่งสัญญาณเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ให้เข้ามารับตัวเด็กไปในทันที
การติดตั้งกล่องรับเด็กแรกเกิด (Baby Box) ในสถานีดับเพลิงของรัฐเคนตั๊กกี้ ยังมีเรื่องเล่าด้วยว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องเข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับสัญญาณเตือนด้วย โดยพวกเขาต้องแยกให้ออกระหว่างเสียงเตือนจาก Baby Box กับเสียงเตือนสัญญาณฉุกเฉิน
อย่างไรก็ดี เด็กทารกคนแรกของรัฐเคนตั๊กกี้ที่กล่องรับเด็กแรกเกิดใบนี้รับมานั้น พบว่าเป็นเด็กรายที่ 24 ของสหรัฐอเมริกาที่ถูกนำมาวางไว้ในกล่องแล้ว โดยปัจจุบัน มีกล่องรับเด็กแรกเกิดลักษณะนี้กระจายอยู่มากถึง 130 แห่งทั่วประเทศเลยทีเดียว
ข้อมูลจาก Safe Haven ยังระบุด้วยว่า 5 รัฐที่มีการทอดทิ้งเด็กทารกมากที่สุดเท่าที่ทางองค์กรเก็บข้อมูลมาได้คือ เท็กซัส, อิลลินอยส์, แอริโซน่า, แมสซาชูเสตต์ และฟลอริด้า โดยในปี 2022 มีรายงานการทอดทิ้งทารกมากถึง 59 คน และ 76.2% ของเด็กที่ถูกทอดทิ้ง “เสียชีวิต” ด้วยเหตุนี้ การมีกล่องรับเด็กแรกเกิดดังกล่าวก็น่าจะช่วยให้เด็ก ๆ มีโอกาสรอด และเติบโตบนโลกใบนี้มากขึ้นนั่นเอง