มีความเป็นไปได้ว่า Meta บริษัทแม่ของ Facebook ภายใต้การนำของซีอีโออย่าง Mark Zuckerberg กำลังเข้าสู่การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ และมีรายงานว่า ทางบริษัทได้มีการแต่งตั้งทีมงานด้านกฎหมาย, ฝ่ายทรัพยากรบุคคล และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเข้ามาวางแผนโครงสร้างใหม่นี้แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่ Mark Zuckerberg เคยบอกไว้กับนักลงทุนว่าจะลดตำแหน่ง “ผู้บริหารระดับกลาง” ลง เพื่อให้บริษัทสามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้น
The Washington Post ระบุว่า ตำแหน่งงานที่อาจได้รับผลกระทบอาจเป็นส่วนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรม – การพัฒนาระบบมากนัก เช่น ฝ่ายบุคคล, ฝ่ายกฎหมาย, ฝ่ายการเงิน ฯลฯ และอาจเกิดขึ้นในสัดส่วนที่แตกต่างกัน
นอกจากนั้น Meta ยังมีประเด็นการลาออกของผู้บริหารระดับสูง เช่น กรณีของ Marne Levine หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจของ Meta ที่ทำงานมานาน 13 ปีด้วย โดยงานของ Marne Levine ได้ถูกส่งต่อให้ Nicola Mendelsohn และ Justin Osofsky เข้ามาดูแลแทน จะรายงานตรงต่อ Javier Olivan (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการคนใหม่ที่มาแทน Sheryl Sandberg)
สื่อตะวันตกคาดว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะมีทั้งการยุบแผนก หรืองานบางส่วนลง ขณะที่บางแผนกอาจมีทีมที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งผลลัพธ์จากการปรับโครงสร้าง ถูกนักวิเคราะห์มองว่าจะทำให้มีพนักงานบางส่วนทนไม่ได้ และลาออกไปเอง ซึ่งเท่ากับเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กรไปโดยปริยาย
ปรับโครงสร้างแทนเลย์ออฟ
นอกจากนั้น การที่ผู้บริหาร Meta ออกมาบอกว่า จะพยายามไม่ให้มีการเลย์ออฟครั้งใหญ่อีกแล้ว (Mark Zuckerberg เคยทำการเลย์ออฟพนักงาน 13% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด คิดเป็นตัวเลข 11,000 คน) อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทเลือกใช้การปรับโครงสร้างมาใช้ในการคัดคนออกแทน โดยเมื่อพิจารณาจากสิ่งที่ Mark Zuckerberg ได้เคยกล่าวกับนักลงทุนไว้ว่า ปี 2023 จะเป็น “ปีแห่งประสิทธิภาพ” (เขาใช้คำว่า The Year of efficiency) และจะมีการปรับลดตำแหน่งผู้บริหารระดับกลาง เพื่อให้บริษัทสามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้น ก็อาจเป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงรอบนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการลาออกของพนักงานเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับการปรับโครงสร้างองค์กรในลักษณะดังกล่าวก็เคยเกิดขึ้นแล้วกับบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก รวมถึงยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของไทย แต่ความพิเศษของ Meta ที่ทำให้เป็นการปรับโครงสร้างที่น่าจับตาเพราะรายได้หลักของ Meta มาจากธุรกิจโฆษณา ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างมากในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนสูง โดยมีบางบริษัทได้ตัดสินใจลดงบประมาณด้านการตลาดลงแล้ว เนื่องจากกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อ
ในอีกด้าน Meta ยังได้รับผลกระทบจากการปรับนโยบายของ Apple เจ้าของระบบปฏิบัติการ iOS ที่ทำให้บริษัทไม่สามารถติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานได้สะดวกง่ายดายเหมือนเคย และกระทบต่อประสิทธิภาพในการยิงโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งสองข้อนี้จึงกลายเป็นจุดอ่อนของแพลตฟอร์มที่ทำให้รายได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงอาจต้องติดตามต่อไปว่า ในวันที่ Meta มีผู้บริหารระดับกลางลดลงนั้น จะส่งผลต่อประสิทธิภาพหรือไม่ และจะทำให้การตัดสินใจของบริษัทเทคโนโลยีรายนี้เร็วขึ้นจริงหรือไม่ด้วย
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand