กว่า 22 ปีที่ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” (The Pizza Company) จากจุดเริ่มต้นการทำตลาดในไทยตั้งแต่ปี 2544 ขยายการเติบโตจนกลายเป็นแบรนด์พิซซ่าที่ครองใจชาวไทยด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดเกือบ 70% ในขณะที่พฤติกรรม ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าหลักที่เป็นกลุ่มครอบครัวเติบโตขึ้น จึงต้องขยายฐานไปยังลูกค้าเจนเนอเรชั่นใหม่ทั้งกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานมากขึ้น ด้วยกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับประทานมากขึ้น
ทั้งนี้หากย้อนดูมูลค่าตลาดพิซซ่าในเมืองไทยปัจจุบัน พบว่า มีมูลค่า 10,000-11,000 ล้านบาท โดย The Pizza Company มีส่วนแบ่งการตลาดเดอะพิซซ่า 65-70% เป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมแม้จะเริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้ง
แต่ทว่าจากภาพรวมตลาดตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หลังได้รับผลกระทบจากการรระบาดของโควิด-19 ทำให้อัตราการเติบโตไม่สูงเท่าที่ควร ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป นิยมความสะดวกรวดเร็ว ครอบครัวมีขนาดเล็กลง หรือคนโสดมากขึ้น ทำให้ยักษ์ใหญ่พิซซ่ารายนี้ ต้องปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าในปัจจุบันมากขึ้น
ยกเครื่องใหญ่รอบ 22 ปี สู่ดีไซน์ใหม่ จับ Gen Z
ล่าสุด “ไมเนอร์ ฟู้ด” ประกาศรีแบรนด์ครั้งใหญ่ “The Pizza Company” ตั้งแต่ต้นปี ที่มาพร้อมโฉมใหม่เพื่อรองรับแนวโน้มธุรกิจร้านอาหารที่กลับมาเติบโตอีกครั้ง ถือเป็นการรีแบรนด์โฉมใหม่ของ “เดอะ พิซซ่า” มาพร้อมภาพลักษณ์ที่ทันสมัยขึ้น มีการยกเครื่องใหม่ทั้งตัวอักษรที่เน้นความเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความสนุกสนาน ขี้เล่น มาพร้อมโทนสีใหม่ของแบรนด์ ที่รียกว่า “สีเขียวไอคอนนิค (Iconic Green)” มีความอ่อนลงเพื่อให้ดูสดใสขึ้น
โดยดีไซน์ตัว A เป็นโลโก้ “สไลซ์ (Slice)” ถอดมาจากชิ้นพิซซ่า เป็นการช่วยสร้างการจดจำได้เป็นอย่างดี แม้จะอยู่เดี่ยว ๆ ก็ยังนึกถึงแบรนด์เดอะ พิซซ่า คอมปะนีได้
นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มพนักงานใหม่ ดีไซน์โดย “หมู อาซาว่า” หรือ “คุณพลพัฒน์ อัศวะประภา” ดีไซเนอร์ชื่อดังของไทย ผู้ฝากผลงานชุดยูนิฟอร์มให้กับแบรนด์ชื่อดังมากมาย
ภายในร้านมีการรีโนเวทร้านใหม่ทั้งในแง่ของการตกแต่งแนว Urban Design ที่จะดูโมเดิร์นขึ้น โปร่งสบายขึ้น พร้อมเอาใจสายโซเชียลด้วยมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ รับเทรนด์ Instagrammable
มีเป้าหมายเพื่อขยายฐานเข้าสู่ลูกค้ากลุ่มเจนเนอเรชั่นใหม่ ๆ ทั้งกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงาน การรีแบรนด์ในครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการรีเฟรชแบรนด์ให้สดใส และทันสมัยอยู่เสมอ เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกเจน
โดยร้าน “เดอะ พิซซ่าฯ” โฉมใหม่ จะเริ่มการรีโนเวท 5 สาขา ได้แก่ สาขาสวนเพลิน พระราม 4, สาขาอมอรินี่ รามอินทรา, สาขารามคำแหง 2, สาขาเซ็นทรัล พระราม 2 และสาขาจังหวัดพิจิตร ก่อนจะทยอยรีโนเวทเพิ่ม 120 สาขา ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ดังนั้นการปรับทั้งหมดก็เพื่อให้เแบรนด์มีความ Young ขึ้นเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ดึงคนรุ่นใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าจากปัจจุบันที่มีอายุตั้งแต่ 25-45 ปี สัดส่วน 60-70% เป็นหลัก ขณะที่กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ (Gen Z) มีสัดส่วนเพียง 17% ดังนั้นการปรับเปลี่ยน Elements ต่างๆของแบรนด์ก็เพื่อเจาะฐานลูกค้ากลุ่มนี้โดยตรง โดยวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนลูกค้า Gen Z เป็น 20% จากนี้ไป
“จากนี้ไปอยากให้แบรนด์ The Pizza Company กลายเป็นอีกหนึ่ง Iconic แบรนด์ในใจของลูกค้า ไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร หากแต่คือเรื่องของไลฟ์สไตล์ ด้วยการแตกไลน์ไปยังสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งสินค้าตกแต่ง ของใช้ต่างๆ ในอนาคต เพื่อขยายฐานลูกค้า และสร้างแบรนด์ในใจให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น” คุณปัทม์ พงษ์วิทยาพิพัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และธุรกิจเดลิเวอรี (1112 เดลิเวอรี) กล่าวถึงทิศทางของแบรนด์นับจากนี้
วาง 4 กลยุทธ์สำคัญ ยึดฐานลูกค้าเก่า ดึงลูกค้าใหม่ ย้ำผู้นำเจ้าตลาดพิซซ่าเมืองไทย
อีกด้านจากวิถีชีวิตผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่พิซซ่าจะเป็นมื้ออาหารสำหรับเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษ หรือการรวมตัวกันของครอบครัว แต่เราพบว่าผู้บริโภคในยุคนี้ มีขนาดครอบครัวที่เล็กลง หรือคนรุ่นใหม่อาศันอยู่ในคอนโดมากขึ้น จึงได้ออกแบบเมนูเพื่อตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะอยู่คนเดียว หรืออยู่เป็นครอบครัวใหญ่ ก็ให้เดอะ พิซซ่า คอมปะนีเป็นคำตอบของทุกมื้ออาหาร และให้พิซซ่าอยู่ในทุกโมเม้นต์ของชีวิตได้
นั่นจึงเป็นที่มาของการวาง 4 กลยุทธ์ธุรกิจในการบุกตลาดพิซซ่า และเสริมแกร่งแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ประกอบไปด้วย
- ขยายสาขาใหม่: ในปี 2566 มีการวางแผนขยายสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 40 สาขา เพื่อรองรับลูกค้าแบบ Self Pick Up และ Take Away จำนวน 20 สาขา นำร่องสาขาแรกที่ศูนย์การค้าอมอรินี่ รามอินทรา โมเดลนี้จะเป็นการขยายในพื้นที่ใหม่ ๆ ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์, ปั๊มน้ำมัน และในชุมชน เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น
- ตอกย้ำความเป็นเจ้าพ่อซื้อ 1 แถม 1: นอกจากแคมเปญใหญ่ในช่วงเดือนมีนาคมแล้ว เดอะ พิซซ่า คอมปะนี จะตอกย้ำความเป็นผู้นำของพิซซ่าซื้อ 1 แถม 1 ตลอดทั้งปี แต่จะสลับหมุนเวียนในแต่ละช่องทาง และพาร์ทเนอร์ เพื่อความหลากหลาย และเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม
- สร้างสรรค์เมนูใหม่ได้ด้วยตนเอง: มีบริการ D.I.Y. ผู้บริโภคสามารถดีไซน์เมนูได้ด้วยตนเองแบบ Personalize ไม่ว่าจะเป็นเมนูพิซซ่าที่สามารถเลือกขอบ เลือกหน้าตามใจชอบ รวมไปถึงเมนูพาสต้า และสลัด ที่จะสามารถปรับแต่ง เลือกเส้น และเครื่องได้อีกด้วย
- Collaboration: ในปีนี้ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เตรียมแคมเปญในการ Collaboration กับแบรนด์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งแบรนด์อาหาร, แบรนด์แฟชั่น และแบรนด์ไลฟ์สไตล์ เพื่อให้แบรนด์เป็นมากกว่าร้านอาหาร แต่เข้าถึงทุกโมเม้นต์ของผู้บริโภค
นับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของเจ้าตลาดพิซซ่าเมืองไทย ที่ปรับตัวเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ในยุค Post Covid เพื่อสร้างฐานที่มั่นของแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้นอีกขั้น