ตอนนี้หากถามว่าหนึ่งในเทรนด์รถยนต์ที่มาแรงสุดๆ คงหนีไม่พ้น “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” หรือ “EV” ที่มีแบรนด์รถยนต์เข้ามาชิงเค้กกันอย่างคึกคัก แม้จะเป็นที่พูดถึงกันมาหลายปีแล้ว แต่ในไทยเพิ่งจะบูมมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เพราะในอดีตราคายังสูงมาก จึงเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มในลูกค้ากลุ่มพรีเมียมเท่านั้น กระทั่งสถานการณ์ราคาน้ำมันแพงจนน่าหวั่นใจ ประกอบกับราคารถยนต์ EV เริ่มปรับลงจากเดิม ทำให้ความนิยมรถยนต์ EV ในไทยขยายวงกว้างขึ้น จนกลายเป็นเทรนด์มาแรงในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป สะท้อนได้จากยอดจดทะเบียนรถยนต์ EV ที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบกระบุว่า 11 เดือนแรกของปี 2565 ทะลุ 18,020 คัน เทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา (2555-2564) มียอดจดทะเบียนเพียง 11,749 คัน
ความนิยมรถยนต์ EV ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ กระโดดลงสู่สมรภูมินี้อย่างคึกคัก จากแต่เดิมที่มีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้น รวมไปถึงแพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์มือสองอย่าง “คาร์ซัม” (CARSOME) ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ไม่พลาดเทรนด์ EV เช่นกัน อะไรคือ เหตุผลที่ทำให้ CARSOME ตัดสินใจลงมาลุยตลาดนี้ ตามมาฟังเหตุผล พร้อมเจาะลึกกลยุทธ์การตลาดที่ตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ EV มือสองในปี 2568
ตลาดไทยยังไม่ชัด แต่ดีมานด์ไม่ธรรมดา 30% สนใจซื้อรถ EV มือสอง
ต้องบอกว่า ความนิยมรถยนต์ EV ไม่ได้มาแรงเฉพาะในตลาดรถใหม่เท่านั้น แต่ตลาดรถมือสองก็ได้รับความสนใจอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะในต่างประเทศ จนราคารถยนต์ EV มือสองบางรุ่นบางยี่ห้อ “แพง” กว่ารถใหม่ป้ายแดงจากโชว์รูมอีก จากปกติราคารถยนต์สันดาปมือสองจะถูกกว่ารถใหม่ประมาณ 30-60% โดยเหตุผลสำคัญที่ทำให้ราคารถยนต์ EV มือสองพุ่งแซงหน้า เป็นเพราะกระแสความต้องการซื้อสูงกว่ากำลังผลิต ทำให้คนซื้อที่สั่งจองรถใหม่ไว้ต้องรอรถนานหลายเดือน จึงทำให้คนที่อยากใช้รถ พร้อมจ่ายแพงกว่าเพื่อให้ได้รถมาขับทันที
สำหรับตลาดรถยนต์ EV มือสองในไทย คุณศิวภูมิ เลิศสรรค์ศรัญย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาร์ซัม (ประเทศไทย) จำกัด ยอมรับว่า ตอนนี้ยังตอบยาก เพราะตลาดยังไม่ชัดเจนและมีความเสี่ยงพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงราคารถ EV มือสองในไทยยังไม่มีมาตรฐานชัดเจน และนโยบายการปล่อยสินเชื่อรถ EV มือสองของสถาบันการเงินยังไม่มีรูปแบบชัดเจน จึงเป็นที่มาของการสำรวจความคิดเห็นลูกค้า CARSOME จำนวน 200 คนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 จนพบข้อมูลน่าสนใจ ดังนี้
- ผู้บริโภค 1 ใน 3 หรือ 30.2% มีแนวโน้มสนใจซื้อรถยนต์ EV มือสองใน 1-2 ปีข้างหน้า
- 23.3% ยังไม่แน่ใจ
- 46.5% ไม่มีความสนใจ
โดย 3 ปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า อันดับแรก คือ ต้องการประหยัดค่าน้ำมันและซ่อมบำรุง (98.4%) ตามด้วยอยากมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม (65.6%) และสิทธิประโยชน์ทางภาษี (48.4%)
ซึ่ง Demand นี่เอง ทำให้ผู้บริหารคาร์ซัมเห็นโอกาส ประกอบกับภาพรวมตลาดรถยนต์มือสองในไทยมีการเติบโตประมาณ 3-5% อย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมียอดขายประมาณ 2 ล้านคันต่อปี และในปีนี้คาดว่าตลาดจะเติบโตอยู่ที่ 3% จึงตัดสินใจเข้ามารุกตลาดรถยนต์ EV มือสอง เพื่อขยายการเติบโตของแบรนด์ให้มากขึ้น
4 กลยุทธ์ ขึ้นเบอร์ 1 ตลาดรถ EV มือสอง
แม้ตลาดในไทยยังเบลอๆ และมีความไม่ชัดเจนหลายเรื่อง การจะเข้ามาบุกตลาดและตั้งเป้าขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดรถ EV มือสอง จึงทำให้ CARSOME ต้องเตรียมความพร้อมและวางกลยุทธ์ให้รัดกุม โดยในปีนี้ CARSOME เริ่มจากการเตรียมหาสินค้ารถยนต์ EV คุณภาพเข้ามาในแพลตฟอร์ม ด้วยการจับมือกับผู้ประกอบการรถยนต์ EV เช่น PTTOR รวมถึงการจัดการแบตเตอรี่ให้ตอบความต้องการของลูกค้า โดยตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้จะนำรถยนต์ EV เข้ามาทำตลาดประมาณ 100 คัน ควบคู่กับการอบรมพนักงานให้มีความรู้ด้านการปรับสภาพและซ่อมบำรุงรถยนต์ EV ขณะเดียวกัน ยังจับมือกับผู้ให้สินเชื่อเพื่อวางแผนการปล่อยกู้ให้ชัดเจน
จากนั้น ในปี 2567 จะเริ่มหารถยนต์ EV ที่ลูกค้าต้องการเข้ามาให้มากขึ้น และตั้งราคาที่เข้าถึงได้ โดยจะโฟกัสตลาดทีละกลุ่ม เริ่มจากกลุ่มตลาด SUV ก่อน เพราะจากอินไซต์พบว่า กลุ่มคนที่ใช้ SUV มีแผนจะปรับเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ EV มากสุด และในปี 2568 เชื่อว่าจากตัวเลือกรถที่มีให้เลือกหลากหลายในราคาที่จับต้องได้ จะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค และทำให้ CARSOME ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ EV มือสองได้อย่างแน่นอน