2 ค่ายธุรกิจสื่อบันเทิง Grammy – RS เริ่มต้นจากธุรกิจเพลงในเวลาใกล้เคียงกัน โดย RS ของ “เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” เข้าสู่ธุรกิจเพลงในปี 2525 ภายใต้ อาร์.เอส.ซาวด์ ส่วน “อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม” ก่อตั้งค่ายเพลงแกรมมี่ ในปี 2526 ทั้ง 2 ค่ายเพลงแข่งขันกันมาตลอด 4 ทศวรรษ
มาในยุคที่การแข่งขันเปลี่ยนไป การจับมือเป็นพันธมิตร ทำโปรเจกต์ Collaboration ทั้งในธุรกิจเดียวกันหรือข้ามธุรกิจมีให้เห็นมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสเติบโตให้ธุรกิจ ที่สำคัญสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับแฟนคลับทั้งสองฝั่ง
หลังผ่านสมรภูมิขับเคี่ยวในสงครามเพลงมาตลอด 40 ปี วันนี้ได้เห็น Grammy และ RS ร่วมมือกันครั้งสำคัญ
โดย “ป๋าเต็ด” ยุทธนา บุญอ้อม รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส หน่วยงานโชว์บิซ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ผู้บริหารคอนเสิร์ตและมิวสิคเฟสติวัล ประกาศปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์กับความร่วมมือ Grammy RS Concerts จะเป็นการขึ้นเวทีคอนเสิร์ตเดียวกันของศิลปินทั้ง 2 ค่าย ที่คาดว่าจะเป็นความร่วมมือระยะยาวต่อเนื่องหลายคอนเสิร์ต โดยแถลงข่าววันที่ 28 มีนาคมนี้
รายละเอียดเบื้องต้นเป็นความร่วมมือของ GMM Music และ RS Music จัดตั้ง กิจการร่วมค้า อะครอส เดอะ ยูนิเวิร์ส (Across The Universe Joint Venture)
จับมือชิงเม็ดเงินคอนเสิร์ต 5,000 ล้าน
ปัจจุบันแกรมมี่ เป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจเพลง ปี 2565 GMM Music ทำรายได้ 3,043 ล้านบาท กำไร 355 ล้านบาท
ธุรกิจเพลงของแกรมมี่ อยู่ภายใต้โมเดล “การให้บริการเพลงแบบครบวงจร” (Total Music Business) ตั้งแต่การคัดเลือศิลปิน การผลิตผลงานเพลง การทำตลาด การบริหารลิขสิทธิ์เพลง การจัดจำหน่ายเพลงผ่านช่องทาง Physical และ Digital การจัดคอนเสิร์ตและธุรกิจบริหารศิลปิน
ในธุรกิจโชว์บิซ (คอนเสิร์ตและเฟสติวัล) แกรมมี่ ถือเป็นเบอร์หนึ่ง มีลิขสิทธิ์คลังเพลงกว่า 40,000 เพลง และศิลปินในสังกัดกว่า 300 คน
แต่ละปีแกรมมี่มีงาน Live Show (งานจ้างศิลปินจัดแสดงในผับบาร์) กว่า 7,000 งาน มีงานคอนเสิร์ตและเทศกาลดนตรี (Music Festival) 9 งานตลอดทั้งปี เช่น Big Mountain นั่งเล่น เชียงใหญ่เฟส นั่งเล เป็นต้น มียอดผู้ชมรวมกว่า 500,000 คน
ปัจจุบันเทศกาลดนตรีและคอนเสิร์ตในประเทศไทยมีมูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท นั่นคือโอกาสที่ แกรมมี่และอาร์เอส จะจับมือเข้าไปช่วงชิงเม็ดเงิน
โดยใช้จุดแข็งของทั้ง 2 ฝ่าย ที่มีศิลปินและลิขสิทธิ์เพลงจำนวนมาก โดยเฉพาะศิลปินในยุค 90 ที่แกรมมี่และอาร์เอส ปั้นเข้าสู่วงการเพลงจำนวนมาก มีโอกาสจะขึ้นเวทีคนเสิร์ตเดียวกัน เพื่อดึงฐานแฟนคลับของทั้ง 2 ค่าย
ที่ผ่านมาแม้ RS ของ “เฮียฮ้อ” จะลดบทบาทธุรกิจเพลงลงตลอดช่วง 15 ปีที่ผ่านมา เพราะเห็นว่าโมเดลธุรกิจเปลี่ยนไป จึงไปโฟกัสการทำธุรกิจคอมเมิร์ซ
แต่ปี 2566 “เฮียฮ้อ” ประกาศคัมแบ็คธุรกิจเพลงในรอบ 15 ปี ภายใต้โครงสร้างบริษัทใหม่ RS Music ปัจจุบันมี 3 ค่ายเพลง คือ Rsiam (อาร์สยาม) Rose Sound (โรสซาวด์) และ Kamikaze (กามิกาเซ่) มีคลังเพลงกว่า 20,000 เพลงในมือ พร้อมดึง “ศิษย์เก่า” RS ที่แฟนๆ คิดถึง กลับมาสร้างผลงานอีกครั้ง เพราะเห็นสัญญาณ New Wave ธุรกิจเพลงกลับมาแล้ว!
การกลับมาทำธุรกิจเพลงในครั้งนี้ RS ใช้จุดแข็งเดิมมาต่อยอดธุรกิจเพลงในยุคใหม่และมาพร้อม “พาร์ทเนอร์” เพื่อหารายได้จากธุรกิจเพลงร่วมกันในรูปแบบ Total Music 360 องศา
แกรมมี่-อาร์เอส หมดยุคคู่แข่ง
“เฮียฮ้อ” ได้ให้สัมภาษณ์ช่องยูทูบ “ป๋าเต็ดทอล์ก” ว่าในอดีตอาร์เอสและแกรมมี่แข่งขันกันทำเพลงเพื่อแย่งเม็ดเงินของคู่ค้า ออกศิลปินมาชนกันตลอดไม่ว่าจะเป็นแนวเพลงไหน วัยรุ่น ร็อก ป๊อป เวลานั้นเป็นการแข่งขันปกติของ 2 ค่ายเพลง แม้จะรุนแรง แต่ในมุมของคนทำงานและศิลปินก็เป็นเพื่อนกัน
การทำธุรกิจยุคใหม่ “เฮียฮ้อ” ย้ำว่าไม่ได้สนใจคู่แข่ง แต่สนใจ “คู่ค้า” และการจับมือกันสร้างเน็ตเวิร์ค
“เราต้องแยกให้ออกระหว่างคู่แข่งกับศัตรู การทำธุรกิจแข่งกันแน่นอน แต่ไม่ได้เป็นศัตรูกัน ผมเจอคุณไพบูลย์ (อากู๋) ก็สวัสดีตลอด เพราะผมเป็นรุ่นน้อง”
การลดบทบาทธุรกิจเพลงของ RS ในช่วงที่ผ่านมา “ไม่เคยมองว่าธุรกิจเพลงจะตายและเชื่อว่าไม่ตายแน่นอน” เพราะคนฟังเพลงและศิลปินก็มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในมุมธุรกิจอาร์เอส ต้องหาโมเดลให้ตอบโจทย์ธุรกิจ และมองหาโอกาสในธุรกิจเพลงอยู่ตลอดเวลา
จากการประกาศความร่วมมือ Grammy RS Concerts ชัดเจนว่า การทำธุรกิจของ 2 ค่ายเพลงที่เคยแข่งขันกัน ประวัติศาสตร์ได้เปลี่ยนไปแล้ว จากนี้จะเห็นความร่วมมือที่เริ่มจากธุรกิจคอนเสิร์ต เชื่อว่างานมิวสิคเฟสติวัลดังอย่าง Big Mountain ที่ “ป๋าเต็ด” อยากได้ศิลปินอาร์เอส ไปขึ้นโชว์ ได้มีลุ้นแน่นอน
อ่านเพิ่มเติม
- 5 กลยุทธ์ GMM Music พลิกธุรกิจเพลงทำกำไร ยึดเบอร์ 1 โชว์บิซ จัด 9 เฟสติวัลทั่วไทย ปั้นฮับงานฮาโลวีน-LGBTQ+
- New wave ธุรกิจเพลงกลับมาแล้ว! RS ฟื้นลงทุนในรอบ 15 ปี ดึงศิษย์เก่า-ปั้นศิลปินใหม่ สร้างรายได้ 1,000 ล้าน