HMC Polymers เดินหน้าสู่ปีที่ 40 มุ่งขับเคลื่อนความมั่นคงทางธุรกิจ ควบคู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านแนวคิด “INNOVATE ENDLESS POSSIBILITIES” หรือ “นวัตกรรมสร้างสรรค์…ไม่สิ้นสุด” ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สู่ตลาด ขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต และความยั่งยืน ด้วยหลัก ESG พร้อมเผยผลประกอบการปี 2565 รายได้รวม 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโตกว่า 4% พร้อมตั้งเป้าปี 2566 กวาดรายได้ 4.5 หมื่นล้านบาท
เมื่อเร็ว ๆ นี้ วิจัยกรุงศรี โดย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่า ปี 2564-2566 อุตสาหกรรมเม็ดพลาสติกยังคงเติบโตได้ดี โดยมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และวัสดุก่อสร้าง กอปรกับภาครัฐก็ได้มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนโดยเฉพาะอุตสาหกรรม New S-Curve จึงหนุนให้อุตสาหกรรมเม็ดพลาสติกที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้นตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์พลาสติกบางประเภท จำต้องเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันที่มากขึ้น และการรณรงค์ให้ลดและเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single use plastic) อันเปรียบเสมือนปัจจัยจำกัดการเติบโตของอัตรากำไร แต่หากผู้ประกอบการที่มีธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่น ๆ ที่สามารถบริหารจัดการสต็อกวัตถุดิบ การขาย และการจัดจำหน่ายได้ดี รวมไปถึงมีนวัตกรรมออกมาใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ก็จะรักษาอัตรากำไรได้
HMC Polymers เติบโตอย่างยั่งยืน
ในฐานะผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีน หรือ PP รายแรกและใหญ่ที่สุดของประเทศไทยและชั้นแนวหน้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในปีนี้ได้ก้าวสู่ปีที่ 40 HMC Polymers มุ่งขับเคลื่อนความมั่นคงทางธุรกิจ ควบคู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการนำทัพของผู้นำใหม่ “Mr. Corso Uzielli” (คอร์โซ อูซีลลี่) ประธานบริษัท ที่เปิดเผยว่า “การก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 HMC Polymers ยังคงเดินหน้าคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ พัฒนาสู่ความเป็นเลิศทั้งในด้านฐานการผลิตและการดำเนินธุรกิจทุก ๆ มิติอย่างต่อเนื่อง มุ่งผลักดันให้สายการผลิตที่ 4 ของโรงงานโพลีโพรพิลีน (โรงงาน PP4) ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ดำเนินการผลิตสูงสุดเต็มศักยภาพ เพื่อให้ได้เม็ดพลาสติก PP รวมกว่า 1 ล้านตันต่อปีตามเป้าหมาย”
“พร้อมนำเทคโนโลยี Spherizone อันทันสมัยที่สุดในการผลิตเม็ดพลาสติก PP จากบริษัท LyondellBasell ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ HMC Polymers มาใช้เพื่อผลิตเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษ (Specialty) และเกรดคุณภาพสูง (Differentiated) ซึ่งมีความแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่น ๆ ในตลาด เพื่อการนำไปใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มการแพทย์และสุขอนามัย กลุ่มบรรจุภัณฑ์ทั้งแบบแข็งและแบบยืดหยุ่น และกลุ่มชิ้นส่วนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่” Mr. Corso กล่าว
“นายพรชัย พิชิตวุฒิกร” รองประธานอาวุโส สายงานกลยุทธ์ นวัตกรรม และพาณิชยกิจ กล่าวเสริมว่า “ หลังโรงงาน PP4 ก่อสร้างแล้วเสร็จ HMC Polymers ได้วางแผนการดำเนินงานไว้ 2 เรื่องหลัก ได้แก่ หนึ่ง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยปี 2566 นี้มุ่งเน้นที่การผลิตเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษ (Specialty) จากเทคโนโลยี Spherizone ที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อตอบรับทุกความต้องการของลูกค้า ในการสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง รวมถึงสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดต้นทุน และเพิ่มอัตราการผลิตให้สูงขึ้น ควบคู่กับการขยายโอกาสการขายผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในตลาดในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ถัดมา คือ การขยายตลาดสู่ภูมิภาคอื่น ๆ อาทิ เอเชียกลาง แอฟริกา อเมริกาใต้ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษ (Specialty) ของ HMC Polymers และยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของบริษัทฯ และเศรษฐกิจของไทยในฐานะผู้นำคู่แข่งแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
3 เสาหลัก ตอบโจทย์ ESG
นอกจากนี้ HMC Polymers ยังให้ความสำคัญกับการนำหลัก ESG (Environment, Social and Governance) มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานและการบริหารความยั่งยืน (Sustainability Management) ซึ่งแบ่งเป็น 3 เสาหลัก ได้แก่
1. Carbon Neutrality : อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
2. Connectivity : การสร้างความสมดุลของชุมชนและสังคม ผ่านการดำเนินโครงการต่าง ๆ
3. Circularity เน้นการลดการใช้ทรัพยากรใหม่ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
“ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาเม็ดพลาสติก PCR หรือ Post-Consumer Recycled กล่าวคือ การนำพลาสติก PP ที่ผ่านการใช้งานโดยผู้บริโภคแล้ว มาผ่านกระบวนการทำความสะอาด ปรับปรุงคุณสมบัติ ด้วยเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม ให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง รวมถึงการทดลองจัดทำโครงการ PP Reborn อันเป็น Waste Management Platform ของบริษัทฯ เพื่อกระตุ้นภาคสังคมให้เห็นความสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียนในวงกว้างด้วย”
ปี 2565 รายได้รวม 3.2 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ แม้การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2565 จะชะลอตัวจากภาวะสงครามระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียและยูเครน รวมถึงการมีนโยบาย Zero-Covid ของสาธารณรัฐประชาชนจีน กอปรกับการมีโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PP ใหม่ ๆ เกิดขึ้นหลายแห่ง แต่ด้วยนโยบายการดำเนินงานด้วยความเป็นเลิศ (Operational Excellence) ทำให้ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ HMC Polymers มีรายได้รวม 3.2 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตกว่า 4% โดยมีสัดส่วนการขายสินค้าเกรดพิเศษ SPDP (Specialty-Differentiated) กว่า 50% ของยอดขาย และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์
“นางสาวอังคณี สุนทรสวัสดิ์” รองประธาน สายการเงิน บัญชีและงานสนับสนุนองค์กร กล่าวถึงภาพรวมและแผนกลยุทธ์การเงินของ HMC Polymers เผยว่า บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกสู่ตลาดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 10 ต่อปี ภาพรวมฐานะการเงินมีความแข็งแกร่ง ด้วยสัดส่วนของทุนที่สูง และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ต่ำ 0.7 เท่า มีสินทรัพย์รวม ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท กระแสเงินสดมีสภาพคล่องในระดับเพียงพอ และจากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งนี้ ส่งผลให้ HMC Polymers ได้รับการจัดอันดับเครดิต Rating โดย Fitch Rating Agency อยู่ในระดับ A-”
การก้าวสู่ปีที่ 40 นี้ HMC Polymers ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่การนำไปใช้งานที่หลากหลาย พร้อมตอบโจทย์และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค บนพื้นฐานของความการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเป็นหลัก เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ทุกชีวิตในสังคม
ติดตามข้อมูลข่าวสาร HMC Polymers ได้ที่นี่
- Website: https://www.hmcpolymers.com
- Facebook:https://www.facebook.com/hmcpolymersofficial