นับตั้งแต่ บมจ.ฟินันซ่า เข้ามาถือหุ้นใหญ่ บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) ในช่วงปลายปี 2558 ได้ปรับทิศทางธุรกิจใหม่ ลดบทบาทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายที่ทำมา 60 ปี ภายใต้แบรนด์ “ชวนชื่น” หันมาโฟกัสธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Industrial Property และ Wellness สร้างแบรนด์ RAKxa เกาะเทรนด์ธุรกิจที่กำลังเติบโต ในปีที่ผ่านมาทั้ง 2 ธุรกิจนี้ทำรายได้ 70% ส่วนธุรกิจที่อยู่อาศัยเหลืออยู่ 30%
หนึ่งในธุรกิจหลัก “เวลเนส” อยู่ภายใต้บริษัท RX Wellness ผู้พัฒนาธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพ เริ่มขยายธุรกิจในปี 2563 ถึงปัจจุบันลงทุนไปแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “รักษ เวลเนส” (RAKxa Wellness) บางกะเจ้า และ “รักษะ วิลเลจ เวลเนส” RXV Wellness Village สามพราน นครปฐม ทั้ง 2 แบรนด์ถือเป็นแฟลกชิปในธุรกิจเวลเนส ของ “มั่นคง” ที่กำลังสร้างสตอรี่ใหม่ ก้าวสู่แบรนด์ระดับโลก เข้าไปปักธงขยายธุรกิจในสหรัฐอเมริกา
เทรนด์ธุรกิจเวลเนสโตทั่วโลก
การเข้าสู่ธุรกิจเวลเนสของ “มั่นคง” มาจากเห็นโอกาสการเติบโตในธุรกิจนี้ จากข้อมูลของ Global Wellness Institute คาดการณ์ว่าตลาดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมีมูลค่าการเติบโตสูงถึง 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 230 ล้านล้านบาท ในปี 2568 เติบโตเฉลี่ยปีละเกือบ 10% จากปี 2563 ที่มูลค่าตลาดอยู่ที่ 4.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 145 ล้านล้านบาท
โดยตลาดที่เติบโตสูงสุด คือ Wellness Tourism หรือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งเติบโตมากถึงปีละกว่า 20% นอกจากนี้ “ธุรกิจสปา” ที่ไม่ใช่แค่ผ่อนคลายได้พัฒนาสู่การเป็นสปาเพื่อดูแลสุขภาพทำให้มีแนวโน้มการเติบโตถึงปีละ 17.2%
RX Wellness ลงทุน 4,000 ล้าน
จากแนวโน้มเชิงบวกของอุตสาหกรรมเวลเนสระดับโลก ประเทศไทยเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน หากดูตัวเลขนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย ก่อนโควิด ปี 2562 อยู่ที่ 12.5 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้ 409,200 ล้านบาท เกิดการจ้างงาน 530,000 คน
คุณวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ซีอีโอ บมจ.มั่นคงเคหะการ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอ็กซ์ เวลเนส จำกัด มองโอกาสใช้จุดแข็งด้านการแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทย ขยายธุรกิจเวลเนสให้บริการด้านสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม วางแผนลงทุนรวม 4,000 ล้านบาท ขยาย 3 โปรเจกต์
คุณวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์
1. เปิดแบรนด์กลุ่มลักชัวรี่ “รักษ เวลเนส” (RAKxa Wellness)
ทำเลแรก “บางกะเจ้า” มีเนื้อที่ 180 ไร่ เป็นทะเลสาบ 70 ไร่ เป็นที่ดินใช้ประโยชน์ 110 ไร่ เฟสแรกเปิดในปี 2563 ใช้พื้นที่ไปแล้ว 55 ไร่ มี 48 วิลล่า ตามแผนในปี 2567 เตรียมสร้างเฟส 2 สร้างอีก 25 วิลล่า รวมเป็น 70 วิลล่า และพื้นที่ศูนย์เวลเนส 7,000 ตารางเมตร (บริการเมดิคัล ยิม, Hydrotherapy) และ 2 ร้านอาหาร ใช้งบลงทุนรวม 2,000 ล้านบาท
แบรนด์ RAKxa เจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ที่มีความเข้าใจเรื่องดูแลสุขภาพ ทั้งเชิงป้องกันและฟื้นฟู ให้บริการตรวจสุขภาพเชิงลึก ศาสตร์ชะลอวัย สร้างโปรแกรมดูแลสุขภาพให้ลูกค้ารายบุคคล เน้นลูกค้าต่างชาติเป็นหลัก หลังจากโควิดคลี่คลายปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 60% (ช่วงโควิดลูกค้าไทยเป็นหลัก) ลูกค้าส่วนใหญ่พัก 3-4 คืน ยาวสุด 14 คืน
ปี 2566 หลังโควิดคลี่คลาย คาดการนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 30 ล้านคน ตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง จากปัจจัยความแข็งแกร่งของระบบสาธารณสุขที่ดี ติดอันดับ 5 ของโลกและอันดับ 1 ของเอเชีย จากการดูแลสถานการณ์ในช่วงโควิดของไทย ทำให้ไทยมีความได้เปรียบด้านการแข่งขันในธุรกิจเวลเนส
โมเดลการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้เพิ่มอัตราการกลับมาใช้บริการ 30-55% ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อคืนอยู่ที่ 45,000 บาท ปีนี้ตั้งเป้าสร้างรายได้ต่อเดือนถึง 20 ล้านบาท รวมทั้งปี 240 ล้านบาท และรายได้ตลอดทั้งปี 2567 อยู่ที่ 375 ล้านบาท
“วางเป้าหมายสร้างแบรนด์ RAKxa ให้เป็น World Class Wellness Brand ที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลกในต่างประเทศได้”
2. เจาะตลาดครอบครัวเปิดแบรนด์ “รักษ วิลเลจ เวลเนส” (RXV Wellness)
หลังจากเปิดตัว RAKxa บางกะเจ้า เห็นโอกาสตลาดคนไทยกลุ่มดูแลสุขภาพมีจำนวนมากขึ้นจนกลายเป็นกลุ่ม Mainstream จึงพัฒนาคอนเซ็ปต์ Everyone’s wellness เช่าที่ดินโรงแรมโรสการ์เด้น สวนสามพราน นครปฐม 12 ไร่ สัญญา 20 ปี + 20 ปี เปิดตัว RXV Wellness Village ลงทุน 700 ล้านบาท
โดยรีโนเวทโรงแรมโรสการ์เด้น 2 ตึก ห้องพักตึกแรก 83 ห้อง และตึก 2 อีก 75 ห้อง รวมเป็น 158 ห้อง สร้างเวลเนส เซ็นเตอร์ 4,000 ตารางเมตร โดยมี 68 ห้องทรีทเมนต์, เมดิคัล ยิม, Hydrotherapy และ 3 ห้องอาหาร มี 2 ห้องสัมมนารองรับได้ 200 คน และพื้นที่จัดอีเวนท์ 7 ห้อง
คุณวศินี สุขเจริญไกรศรี
คุณวศินี สุขเจริญไกรศรี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอ็กซ์ เวลเนส จำกัด กล่าวว่า RXV Wellness Village เป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ใกล้กรุงสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมทั้งกลุ่มสัมมนาที่เป็นฐานลูกค้าเดิมของโรสการ์เด้น ซึ่งจะนำเสนอแพ็คเกจศาสตร์การดูแลสุขภาพเข้ามาให้บริการ อาทิ การออกกำลังกายเชิงการแพทย์ การแพทย์แผนไทย พลังงานบำบัด ธรรมชาติบำบัด ธาราบำบัด (Hydrotherapy) และศาสตร์ทางการแพทย์สมัยใหม่
มองว่ากลุ่มที่มีประสบการณ์จากการสัมมนาในวันจันทร์-ศุกร์ ช่วงวันหยุดจะพาครอบครัวกลับมาพักและใช้โปรแกรมดูแลสุขภาพกับ RXV ราว 10-12% ซึ่งมีการออกแบบโปรแกรมสำหรับกลุ่มครอบครัวทุกวัย ทั้งสูงวัยไปถึงเด็ก
โดย RXV Wellness เปิดให้บริการในวันที่ 15 มีนาคม 2566 ในราคาเริ่มต้น 4,000 – 15,000 บาท ตั้งเป้ารายได้จากบริการด้านสุขภาพ 30-50% คาดทำรายได้ต่อเดือน 15 ล้านบาท ในปี 2567 รายได้อยู่ที่ 250 ล้านบาท
นอกจากนี้ได้เปิดตัว RX Wellness Store ร้านค้าจำหน่ายสินค้าด้านสุขภาพ ทั้งอาหาร ของใช้ส่วนตัว เช่น สบู่ ยาสระผม ครีมนวดผม โลชั่นส่วนผสมออร์แกนิก ชุดออกกำลังกาย อุปกรณ์ออกกำลังกาย โดยมีช็อปที่ RAKxa บางกะเจ้า และ RXV สามพราน และช่องทางออนไลน์
3. จับมือพันธมิตรเปิดบริการ “บำรุงราษฎร์ เมดิคัล วิลเลจ” (BH Medical Village)
ปัจจุบัน RX Wellness มีโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นพันธมิตรให้บริการผ่าน Vitallife (ไวทัลไลฟ์) ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัย เริ่มที่ RAKxa Wellness บางกระเจ้า ซึ่งเดิมเป็นรูปแบบธุรกิจ “แบ่งกำไร” (profit sharing) ตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 จะเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเป็นการซื้อแฟรนไชส์ Vitallife ทำให้รายได้เข้าจากการบริการเข้าบริษัท RX Wellness 100% โดยจ่ายค่าบริหารจัดการให้กับ Vitallife แทน โมเดลนี้จะสร้างรายได้ให้สูงกว่าเดิม
ส่วน RXV Wellness สามพราน จะเป็นการร่วมดูแลโดย Vitallife ซึ่งจะเข้ามาดูแลด้านเทคนิคการแพทย์ รวมไปถึงการอบรมหลักสูตรแก่บุคลากร พร้อมจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งหมดในโครงการ
นอกจากนี้เตรียมขยายบริการ “บำรุงราษฎร์ เมดิคัล วิลเลจ” (BH Medical Village) โดยนำวิลล่าใน RAKxa Wellness บางกะเจ้า 9 วิลล่า มาให้บริการเป็นสถานที่ฟื้นฟูร่างกาย หลังจากลูกค้าเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มาแล้ว เช่น การผ่าตัดโรคต่างๆ ที่ต้องมีระยะเวลาฟื้นฟูร่างกาย โดยบำรุงราษฎร์จะส่งต่อมาดูแลที่บางกระเจ้า ทำให้มีรายได้จากค่าที่พัก ค่าอาหาร และโปรแกรมดูแล ส่วนนี้จะเปิดให้บริการในเดือนเมษายน 2566
วางแผน 5 ปี (2566-2570) ลงทุน 1,300 ล้านบาท เพื่อขยายบริการ “บำรุงราษฎร์ เมดิคัล วิลเลจ” โดยใช้พื้นที่ RAKxa wellness บางกะเจ้า ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 55 ไร่ สร้างวิลล่าเพิ่มเติมสำหรับการดูแลผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายหลังจากเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยส่วนนี้อาจจะขยายได้ 80-100 วิลล่า
St.Regis Hotel Aspen
ส่ง RAKxa ปักธงสหรัฐฯ ปั้นแบรนด์เวลเนสระดับโลก
ปีนี้จะเริ่มแผนพัฒนาโครงการ Flagship properties ในต่างประเทศ ด้วยการส่งแบรนด์ RAKxa Wellness ไปขยายตลาดเวลเนสในสหรัฐอเมริกา โดยมี 2 โครงการ
1. จับมือเป็นพันธมิตรกับโรงแรม St.Regis (เชนโรงแรมหรูในเครือแมริออท) ที่เมืองแอสเพน รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเมืองสกีรีสอร์ท ที่กลุ่มมั่งคั่งมีบ้านหลังที่ 2 อยู่ในเมืองนี้ ผู้พักอาศัยเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง โดยเข้าไปให้บริหารในส่วนที่เป็นสปาเดิมของโรงแรม 20 ห้อง เปลี่ยนมาเป็นแบรนด์ RAKxa ให้บริการด้านเวลเนส การดูแลสุขภาพหลักออกกำลังกาย การดูแลผิวจากอากาศเย็น ถือเป็นสร้างการรับรู้แบรนด์ RAKxa ในตลาดโลก โครงการนี้ลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท เปิดให้บริการในปีนี้ น่าจะสร้างรายได้ปีแรก 2-3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 100 ล้านบาท
2. ซื้อรีสอร์ทเปิดบริการ RAKxa Wellness โครงการนี้เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2565 โดยบริษัท อาร์เอ็กซ์ เวลเนส จำกัด ได้เข้าไปลงทุนสัดส่วน 80% ใน RAKxa Wellness US เพื่อซื้อทรัพย์สินในรัฐโคโลราโด สหรัฐฯ เพื่อดำเนินธุรกิจรีสอร์ทและให้บริการด้านสุขภาพ ด้วยเงินลงทุน 12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือราว 300 ล้านบาท)
The Redstone Castle
สำหรับทรัพย์สินที่เข้าไปซื้อ คือ ตัวอาคาร The Redstone Castle และที่ดินโดยรอบอีก 1,000 ไร่ ที่เมืองแอสเพน รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา (อยู่ห่างจากโรงแรม St.Regis Hotel 45 นาที) โดยกำลังอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตการทำธุรกิจด้านเวลเนสและเมดิคัล ในสหรัฐฯ เบื้องต้นขอใบอนุญาตใช้พื้นที่ทำเวลเนสประมาณ 20,000 ตารางเมตร
หลังจากได้รับใบอนุญาต คาดว่าในปี 2567 จะเริ่มรีโนเวทอาคารเดิม The Redstone Castle ให้เป็นพื้นที่ศูนย์เวลเนส และสร้างห้องพักเพิ่ม 25 ห้อง เป็น Wellness Retreat ในส่วนนี้ลงทุนราว 20 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเริ่มก่อสร้างปี 2567 และเปิดให้บริการในปี 2568
นอกจากนี้กำลังเจรจากับพันธมิตรในยุโรป ทั้ง สหราชอาณาจักร (UK) เยอรมนี รวมไปถึงตะวันออกกลาง เพื่อนำแบรนด์ RAKxa เข้าไปเปิดให้บริการ ถือเป็นการนำแบรนด์เวลเนสสัญชาติไทยออกไปแข่งขันในตลาดโลก
หลังจากเปิดให้บริการธุรกิจในกลุ่ม RX Wellness ในไทยและต่างประเทศได้เต็มปี คาดว่าจะมีรายได้จากกลุ่มนี้ในปี 2567 ประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งจะเป็น 1 ใน 3 ธุรกิจที่สร้างการเติบโตให้ “มั่นคงเคหะการ” ด้วย New-S Curve ใหม่ เพราะเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรสุทธิได้มากกว่า 20% และเป็นธุรกิจ Long Tail ดึงลูกค้ามาใช้บริการต่อเนื่อง
อ่านเพิ่มเติม