HomeBrand Move !!เกาะเมกะเทรนด์ ‘เสนากรุ๊ป’ แตก 10 ธุรกิจใหม่ หนุนสร้างรายได้ เสริมพอร์ตอสังหาฯ

เกาะเมกะเทรนด์ ‘เสนากรุ๊ป’ แตก 10 ธุรกิจใหม่ หนุนสร้างรายได้ เสริมพอร์ตอสังหาฯ

แชร์ :

หลังจากแม่ทัพ “เสนา” ดร.ยุ้ย เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ได้ร่วมทีมทำงานกับ ผู้ว่าฯ กทม. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ตั้งแต่ช่วงหาเสียง กระทั่งมารับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ เป็นเวลากว่า 1 ปี ถือเป็นประสบการณ์การทำงานในมุมมองใหม่ ที่ทำให้เห็นปัญหาด้านสังคมที่เกิดขึ้นในทุกเมืองใหญ่ รวมทั้งกรุงเทพฯ

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

จนกลายมาเป็น “วิชั่น” และ “เป้าหมาย” ของ “เสนากรุ๊ป” ในการขับเคลื่อนธุรกิจบนแนวคิดสร้างความยั่งยืน (Sustainability) ให้กับสังคม ด้วยการขยาย 10 ธุรกิจใหม่ ไม่ใช่แค่เพียงขายบ้านและคอนโดอีกต่อไป

ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการทำงานช่วย ผู้ว่าฯ กทม. ทำให้เห็นภาพที่ใหญ่ขึ้น เห็นข้อมูลพื้นที่และคนอยู่อาศัยในกรุงเทพฯ เมืองใหญ่ที่มีทั้งโอกาสและปัญหา จึงกลับมามองโจทย์การวางวิชั่นของเสนา กรุ๊ป ให้กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่ผู้พัฒนาอสังหาฯ แต่มี Passion ที่จะช่วยแก้ปัญหาในเมืองใหญ่ จากจุดที่ตัวเองยืนอยู่

นั่นคือที่มาของวิชั่น “เสนากรุ๊ป” ในปี 2023 บนหลักคิดที่มาจากการเห็นความท้าทายทางสังคม (Social Challenge) ของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่เกิดจากการเปลี่ยนสู่สังคมเมือง (Urbanization) ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดปัญหาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น

– ปัญหาสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม
– ปัญหาการเข้าถึงบริการสาธารณสุข การเข้าสู่สังคมสูงวัยของประเทศไทย
– ปัญหาความเหลื่อมล้ำ
– ปัญหาการกระจุกตัวของคนเมือง ขณะที่ปี 2566 ราคาอสังหาฯ เพิ่มขึ้น 5-10% ราคาที่ดินปรับขึ้น 8% ทั่วประเทศ ต้นทุนการอยู่ในเมืองสูงขึ้น จากเมืองไม่ขยายพื้นที่

วิชั่นของเสนากรุ๊ป จึงต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ทำให้ปัญหาของเมืองใหญ่มากไปกว่าเดิม เพราะหากยังเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ แบบเดิมจะทำให้ปัญหาสังคมเมืองหนักขึ้นไปอีก จากการเร่งซื้อที่ดินมาพัฒนา ทำให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น ขายที่อยู่อาศัยในราคาแพง เพราะต้นทุนสูง วันนี้ “เสนา” จึงไม่ต้องการเป็นแค่ธุรกิจขายที่อยู่อาศัยอย่างเดียว

วิชั่นใหม่จะใช้ประสบการณ์และความสามารถจากการเป็นผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยกว่า 40 ปี มาขยายบริการใหม่ๆ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาสังคมเมือง และเติบโตไปพร้อมเมกะเทรนด์ ด้วยการเป็น Lifelong Trusted Partner ของลูกค้า

เดินหน้าบ้านพลังงานเป็นศูนย์-เกาะเมกะเทรนด์สูงวัย

สำหรับกลุ่มธุรกิจที่เป็น Core Business การเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ กลุ่มที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ ทาวน์โฮมและอาคารชุด รวมทั้งธุรกิจเช่า ได้แก่ อพาร์ทเม้นท์ ธุรกิจอาคารสำนักงาน ธุรกิจสนามกอล์ฟ ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ธุรกิจบริหารงานนิติบุคคล ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่พักอาศัย เป็นต้น

ในธุรกิจเดิมกลุ่มที่อยู่อาศัย “เสนา” จะพัฒนาโครงการบ้านติดโซลาร์สู่การพัฒนาบ้านพลังงานเป็นศูนย์ Zero Energy Housing หรือ ZEH จากเดิมบ้านเสนา ติดโซลาร์ใช้พลังงานสะอาดอยู่แล้ว แต่จากนี้จะยกระดับไปอีกขั้น คือใช้พลังงานไฟฟ้าเดิมให้น้อยที่สุด จากการออกแบบบ้านที่ใช้พลังงานต่ำ ทำให้การใช้ไฟฟ้าในบ้านลดลง และใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์แทน รวมทั้งคอนโดด้วย โดยจะเปิดตัวในไตรมาส 3 ปีนี้

โดยได้ร่วมมือกับบริษัท ชิเซ็น อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Shizen เพื่อลงทุนและศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ในการขยายตลาดด้านพลังงานหมุนเวียนร่วมกันในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมองหาพันธมิตรในการติดตั้ง “โซลาร์แนวตั้ง” สำหรับอาคารสูงในประเทศไทย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้มากที่สุด สอดคล้องกับเมกะเทรนด์การใช้พลังงานเพื่อความยั่งยืน

นอกจากนี้ได้จับเมกะเทรนด์สังคมสูงวัยด้วยการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่ม Baby Boomer ในราคาระดับกลางที่ยังเป็นช่องว่างในตลาด จากเดิมการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะมองกลุ่มลูกค้าหลักๆ คือ ปลาย Gen Z และ Gen Y เป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยได้ แต่จากนี้จะเป็นพาร์ทเนอร์ตอบโจทย์ความต้องการทุก Gen

ปัจจุบันรายได้ “เสนา” มาจากการขายธุรกิจที่อยู่อาศัยสัดส่วน 80% แต่การขยายตัวของเมืองที่ทำให้การอยู่อาศัยกระจุกตัวในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยแพงขึ้น จากต้นทุนที่ดินเพิ่มขึ้นทุกปี การเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยจึงต้องใช้เวลาผ่อนยาวนานขึ้น

อีกคำถามสำคัญ “คนรุ่นใหม่” Gen Z ที่มีพฤติกรรมเป็น Rent Generation เติบโตมากับระบบ Subscription สินค้าและบริการต่างๆ โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของ คุ้นเคยกับระบบสมัครสมาชิก พฤติกรรมเหล่านี้ ต่อไปอาจจะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ไม่ต้องการซื้อรถ แต่ใช้ระบบเช่าเพื่อใช้บริการรถยนต์ได้หลากหลายประเภทตามไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต พฤติกรรมนี้อาจจะเกิดขึ้นในธุรกิจอสังหาฯ ได้เช่นกันหาราคาที่อยู่อาศัยยังปรับขึ้นต่อเนื่อง

ดังนั้นธุรกิจที่อยู่อาศัยอาจไม่ใช่ธุรกิจที่เติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว  “เสนา” จึงต้องปรับตัวเองไปตามผู้บริโภค ด้วยการเสริม Core Business เดิมให้แข็งแกร่ง และขยายธุรกิจใหม่เพื่อสร้างรายได้จากหลากหลายธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์และสอดคล้องกับวิชั่นการสร้างความยั่งยืน

เปิดตัว 10 ธุรกิจใหม่

“เสนา” ที่เริ่มต้นจากธุรกิจอสังหาฯ มา 40 ปี ขยายสู่ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์  ปี 2566 ได้ขยายอีก 10 ธุรกิจใหม่ดังนี้

1. ธุรกิจบ้านมือสอง “SENA SURE” โดยร่วมกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM และบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM คัดเลือกสินทรัพย์และนำมาปรับปรุงให้มีคุณภาพ เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้คนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในทำเลดีๆ ที่บ้านมือหนึ่งมีราคาสูงขึ้นทุกวัน เห็นได้ว่าช่วงโควิดที่ผ่านมาตลาดบ้านมือสองเติบโตสูงมากและเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ยังมีโอกาสเข้าไปทำตลาด

2. ธุรกิจบริการทางการเงิน “เงินสดใจดี” ภายใต้บริษัท เงินสดใจดี จำกัด ที่ได้รับใบอนุญาตปล่อยสินเชื่อจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเพิ่มความสามารถในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าเสนา พร้อมให้คำปรึกษาและให้ความรู้ทางด้านการเงินในการกู้สินเชื่อบ้าน เพราะที่ผ่านมา ลูกค้าบ้านและคอนโดระดับกลางล่าง มักมีปัญหาการถูกปฏิเสธสินเชื่อบ้าน (reject rate) ในอัตราสูง แต่พบว่าบางกลุ่มมีศักยภาพที่จะกู้เพื่อผ่อนจ่ายได้

โดย “เงินสดใจดี” จะเข้าไปดูแลให้สินเชื่อเช่าซื้อกับลูกค้า “เสนา” ในช่วง 3 ปีแรก วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิต ดอกเบี้ย 4.5% ต่อปี ผ่อนล้านละ 5,000 บาท ลดต้นลดดอก เป็นการเตรียมความพร้อมให้กลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มจะผ่านการพิจารณาการกู้สินเชื่อบ้านจากธนาคาร เพราะวงเงินกู้ลดลงหลังจากผ่อนต้นบางส่วนกับ “เงินสดใจดี” ไปแล้วในช่วง 3 ปีแรก

ลูกค้าซื้อที่อยู่อาศัยกับเสนาและใช้บริการ “เงินสดใจดี” สามารถเข้าไปอยู่ในบ้านหรือคอนโดที่ซื้อได้ระหว่างสัญญากู้ 3 ปี แต่หลังจากนั้นหากไม่สามารถกู้สินเชื่อบ้านจากธนาคารได้ ก็ต้องย้ายออก ส่วนเงินที่ผ่อนจ่ายมาถือเป็นค่าเช่า เชื่อว่าธุรกิจ “เงินสดใจดี” จะช่วยสนับสนุนการขายธุรกิจที่อยู่อาศัยของเสนาในกลุ่มระดับกลางและล่างได้

3. บ้านพรีเมี่ยม เตรียมขยายพอร์ตอสังหาฯ ใหม่ในกลุ่ม Premium Segment บ้านหรูราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป เพราะเป็นตลาดที่ยังเติบโตได้จากกลุ่มกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง

4. การบริหารจัดการด้าน Hospitality เต็มรูปแบบ ด้าน Hotel & Service Apartment Management ผ่านการจัดการด้วยมืออาชีพเฉพาะด้าน เป็นการปล่อยเช่าที่อยู่อาศัยตามที่กฎหมายกำหนด

5. ธุรกิจสถานดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะฟื้นตัว (Nursing Home) ภายใต้ SJ Health Care เพื่อรองรับการเติบโตของสังคมสูงอายุพัฒนา Medical Wellness Center และ Primary Care สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการและความกังวลด้านดูแลสุขภาพโดยเฉพาะ

6. ธุรกิจคลังสินค้า (Warehouse) ให้เช่าแบบครบวงจร ภายใต้ METROBOX ซึ่งเป็นอาคารคลังสินค้ามาตรฐานเพื่อผู้ประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ เตรียมเปิด 2 ทำเล 1.บางนา บางพลี สมุทรปราการ และ 2.พหลโยธิน วังน้อย อยุธยา โดยจับมือกับพันธมิตร Leo Logistics

7. บริการชาร์จรถไฟฟ้า หรือ EV Charging Station ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์ เพื่อให้สอดคล้องไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และแนวทางการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ปัจจุบันติดตั้งในหมู่บ้านของเสนา ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV Charging Station) เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับลูกบ้านในโครงการและลูกค้าทั่วไปในอนาคต

8. แพลตฟอร์ม Smart Living Community จับมือบริษัท เอ็นอีซี คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ NEC Thailand ที่ปรึกษาเทคโนโลยีด้านไอที บริษัทชั้นนำระดับโลก พัฒนาแพลตฟอร์ม “SMARTIFY” ซึ่งเป็น Smart Living Community เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าและลูกบ้านเสนา

9. ธุรกิจโบรกเกอร์ หรือธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ชื่อ Acute Realty ให้บริการขาย การปล่อยเช่า การเปลี่ยนมือซื้อขายที่อยู่อาศัยที่สะดวก ได้ราคาดี

10. ธุรกิจปลูกป่า ภายใต้บริษัท Sena Reforestation เป็นการปลูกป่า รักษาโลก ตามเป้าหมายต้องการปลูกจำนวน 100,000 ไร่

ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจอยู่ภายใต้โฮลดิ้ง “เสนากรุ๊ป” ที่มี 3 กลุ่มบริษัท ได้แก่ เสนาดีเวลลอปเม้นท์, Sen X Property และ Sena Green Energy

ธุรกิจอสังหาฯปี 66 เปิด 26 โครงการ

สำหรับธุรกิจอสังหาฯ กลุ่มที่อยู่อาศัย ปี 2566 เสนาเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 26 โครงการ รวมมูลค่า 24,024 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 9 โครงการ มูลค่า 7,471 ล้านบาท และคอนโด 17 โครงการ มูลค่า 16,553 ล้านบาท

ตามแผนเปิดโครงการใหม่ 26 โครงการในปีนี้ เป็นโครงการร่วมทุนกับ ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป 22 โครงการ มูลค่า 21,210 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นพันธมิตรธุรกิจ 8 ปี ร่วมกันพัฒนาโครงการไปแล้ว 45 โครงการ มูลค่า 69,554 ล้านบาท

หลังจากเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ ทำให้มีสินค้าพร้อมขายมูลค่า 55,402 ล้านบาท แบ่งเป็น ของเดิม 22,294 ล้านบาท เปิดโครงการใหม่ 24,024 ล้านบาท และ 10 ธุรกิจใหม่ 9,084 ล้านบาท ในกลุ่มบ้านพรีเมี่ยม เฮลท์แคร์ และปลูกป่า

ทิศทางธุรกิจอสังหาฯ ปีนี้กำลังซื้อฟื้นตัวชัดเจน “เสนา” วางเป้าหมายสร้างสถิติยอดขาย 18,242 ล้านบาท และยอดโอนรวม 16,539 ล้านบาท

อ่านเพิ่มเติม


แชร์ :

You may also like