อาจถึงเวลาต้องลดราคาสร้างยอดขายกันเสียแล้วสำหรับธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างรถยนต์ EV โดยยักษ์ใหญ่ในวงการอย่างเทสล่า (Tesla) ได้ออกมาประกาศลดราคารถ Model S และ Model X ของทางค่ายลง 5% และ 9% ตามลำดับเพื่อกระตุ้นยอดขาย (มีผลเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา) หลังบริษัทคู่แข่งอย่าง Ford มีการปรับลดราคาไปแล้วก่อนหน้านี้
สำหรับราคาเริ่มต้นราคาใหม่ของ Model S และ Model X อยู่ที่ 89,900 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.1 ล้านบาท) และ 99,990 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.4 ล้านบาท) ตามลำดับ ขณะที่รถยนต์รุ่น Plaid ซึ่งเป็นเวอร์ชันไฮเอนด์ของ Model S และ Model X นั้นก็ปรับตัวลดลง 4% และ 8% เช่นกัน โดยราคาอัปเดทใหม่ของ Tesla ในสหรัฐอเมริกาตอนนี้คือ
- Model S: 89,990 เหรียญสหรัฐ
- Model S Plaid: 109,990 เหรียญสหรัฐ
- Model 3: 42,990 เหรียญสหรัฐ
- Model 3 Performance: 53,990 เหรียญสหรัฐ
- Model X: 99,990 เหรียญสหรัฐ
- Model X Plaid: 109,990 เหรียญสหรัฐ
- Model Y Long Range: 54,990 เหรียญสหรัฐ
- Model Y Performance: 58,990 เหรียญสหรัฐ
การตัดสินใจดังกล่าวยังทำให้หุ้น Tesla ปรับตัวลดลงด้วย แต่ถือว่าลดลงเล็กน้อย ไม่ถึง 1%
เปิดฉากสงครามราคา
อย่างไรก็ดี หากยังจำกันได้ จะพบว่า ก่อนหน้าที่จะมีการปรับลดราคาในเดือนมีนาคมนี้ Tesla เคยปรับราคารถยนต์มาแล้วในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดย Elon Musk ให้เหตุผลของการปรับราคาครั้งก่อนว่า เพื่อให้รถ EV ของทางค่ายสามารถตอบโจทย์อเมริกันชนได้มากขึ้น
“As you make the car more affordable, we’ll have demand go crazy.” – Elon Musk
สำหรับการปรับลดราคาในครั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าจะเป็นเรื่องของสงครามราคาระหว่างผู้ผลิตรถ EV ด้วยกันเสียมากกว่า เพราะก่อนหน้านี้ ค่ายคู่แข่งอย่าง Ford ก็ออกมาประกาศลดราคารถยนต์ EV รุ่น Mustang Mach-E ลง 8% เช่นกัน สอดคล้องกับที่ Elon Musk เคยกล่าวถึงประเด็นดังกล่าวไว้ว่า การปรับราคารถ EV สามารถช่วยแบรนด์สร้างความแตกต่างในใจผู้บริโภคได้
ด้าน Dan Ives นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ Wedbush มองว่า การตัดสินใจลดราคารถ Tesla ในครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดทีเดียว เนื่องจากสถานะของ Tesla ในตอนนี้แม้จะปรับลดราคา แต่เมื่อเทียบกับบริษัทผู้ผลิตรายอื่น ๆ ก็ยังสามารถทำผลประกอบการที่ดีได้
นอกจากนี้ Tesla ยังมีอีกหนึ่งความก้าวหน้าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในวงการ EV นั่นคือ การพัฒนามอเตอร์ EV ที่ไม่ต้องใช้แร่ Rare Earth ในการผลิต ซึ่งคาดว่าหากพัฒนาได้สำเร็จ จะสามารถลดต้นทุนให้กับบริษัท และลดประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมลงได้พร้อม ๆ กันด้วย
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand