ขอบคุณภาพจาก Mainichi
หลังจากที่ญี่ปุ่นได้ปรับแก้กฎหมายการบินพลเรือนโดยอนุญาตให้มีการบินโดรนในระยะไกลเกินขอบเขตสายตาของผู้ปฏิบัติงานเหนือพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่ได้ไปเมื่อธันวาคม 2022 ก็มีบริษัท KSK ซึ่งเป็นผู้ค้าส่งเวชภัณฑ์ในจังหวัดโอซาก้า ตัดสินใจทำการทดสอบการจัดส่งเวชภัณฑ์ด้วยโดรนแล้ว
ทางบริษัท KSK ให้เหตุผลของการทดสอบการจัดส่งด้วยโดรนครั้งนี้ว่า เพื่อให้มั่นใจว่าหากเกิดเหตุการณ์ที่ถนนหนทางใช้การไม่ได้ คนญี่ปุ่นจะยังสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือยาต่าง ๆ ได้อยู่ พร้อมยกกรณีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 1995 ที่เมืองโกเบ หรือที่หลายคนจดจำกันได้ในชื่อ The Great Hanshin Earthquake ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 6,000 ราย และมีคนไร้บ้านอีกกว่า 45,000 คนมาเป็นตัวอย่าง
นอกจาก KSK แล้ว ยังมีอีกหลายหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือในการทดสอบครั้งนี้ด้วย นั่นคือ บริษัท NTT Communications ที่ให้โดรนมาใช้ทดสอบ และมหาวิทยาลัยทางการแพทย์วากายามา (Wakayama Medical University) ที่ให้คำแนะนำในการจัดส่งเวชภัณฑ์ ตลอดจนพื้นที่ในการทดสอบ โดยโดรนได้ขึ้นบินจาก Wakayama Kasen Park และบินไปยัง Wakayama Medical University ที่อยู่ห่างออกไป 1.5 กิโลเมตรเพื่อนำยาที่บรรจุในกล่องเก็บความเย็นไปส่งได้สำเร็จ (เป็นการบินโดรนอัตโนมัติที่อยู่ในสายตาของผู้ควบคุม) ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ส่วนการเปิดกล่องยาที่ส่งด้วยโดรนนั้นใช้การสแกนใบหน้า ซึ่งสามารถผ่านไปได้ด้วยดีเช่นกัน
ตัวแทนของ Wakayama Medical University ยังมองว่า การปรับแก้กฎหมายดังกล่าว ไม่เพียงช่วยประเทศญี่ปุ่นในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ แต่ยังมีประโยชน์เลยทันที เพราะสามารถจัดส่งยาไปให้ผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นที่อยู่ห่างไกล หรืออยู่ตามลำพังได้ โดยไม่ต้องให้คุณตาคุณยายลำบากออกมารับยาด้วยตัวเองนั่นเอง
ทั้งนี้ จะมีการเก็บข้อมูลการบิน แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจากการบินโดรน ฯลฯ ไปวิเคราะห์ต่อไป ทางนักวิจัยเผยด้วยว่า ในอนาคตจะทดสอบการบินในรูปแบบอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การบินโดรนเหนือพื้นที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ ฯลฯ ส่วนการบินโดรนในระดับ 4 ซึ่งเป็นการบินไกล และอยู่นอกสายตาของผู้ควบคุมนั้น คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 2025