บริษัท เอ็ม บี เค รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือเอ็ม บี เค ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือส่งมอบที่ดิน ให้กับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จำนวน 6 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 36 ไร่ มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท เพื่อจัดสร้างโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต (Songklanagarind Hospital Phuket Campus) ขนาด 500 เตียง ในโครงการศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต
สำหรับรองรับการดูแลสุขภาพที่ดีให้กับประชากรภาคใต้ในกลุ่มจังหวัดอันดามัน (สตูล กระบี่ ระนอง ภูเก็ต พังงา ตรัง) ส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางแหล่งเรียนรู้ทางการแพทย์ ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก สอดคล้องนโยบายการพัฒนาประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) โดยตั้งอยู่ในตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับ สนามกอล์ฟ เรด เมาเทิน กอล์ฟ คลับ (RED MOUNTAIN GOLF CLUB) ธุรกิจกอล์ฟในเครือเอ็ม บี เค
นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วย นายวิจักษณ์ ประดิษฐวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือส่งมอบที่ดิน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารทั้งสองหน่วยงานร่วมในพิธีและเป็นสักขีพยานในความร่วมมือครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียง นำโดย นายไกรวิน ศรีไกรวิน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายเกษมสุข จงมั่นคง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจกอล์ฟ นายสมพล ตรีภพนารถ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจศูนย์การค้า นายอภิชาติ กมลธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายกฎหมาย บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) รองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ ทองชุมนุม รักษาการแทนรองอธิการบดี วิทยาเขตภูเก็ต ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงค์เทพ สุธีรวุฒิ รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายบริหารและยุทธศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายกฎหมายและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.กิตติพงษ์ เรียบร้อย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์
นายวิจักษณ์ ประดิษฐวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท เอ็ม บี เค รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ MBK-R เป็นบริษัทในเครือเอ็ม บี เค ดำเนินธุรกิจสนามกอล์ฟระดับพรีเมียมในอำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต ภายใต้ชื่อสนามล็อค ปาล์ม กอล์ฟ คลับ (LOCH PALM GOLF CLUB) และ เรด เมาเทิน กอล์ฟ คลับ (RED MOUNTAIN GOLF CLUB) ทั้งนี้นอกจากสนามกอล์ฟ ภายในพื้นที่ 1,400 ไร่ยังมีธุรกิจอื่น ๆ ในเครือเอ็ม บี เค ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมทินิดีกอล์ฟ รีสอร์ท ภูเก็ต ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ Loch Palm Residence และ ธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบ ส่วนที่ดินบริจาค 36 ไร่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสนามกอล์ฟ เรด เมาเทิน กอล์ฟ คลับ ซึ่งทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้ตัวเมืองและใกล้หาดป่าตองที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดภูเก็ต โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 40 นาทีจากสนามบินนานาชาติภูเก็ต และเพียง 15 นาทีจากหาดป่าตอง เอ็ม บี เค จึงภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนสังคมร่วมขับเคลื่อนโครงการที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีของคนไทย
การมอบที่ดินเพื่อดำเนินการจัดสร้างโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ในครั้งนี้ ยังเป็นการสานต่อพันธกิจของบริษัท คือ การดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ให้ความสำคัญและดำเนินพันธกิจ ภายใต้หลัก ESG คือ สิ่งแวดล้อม ( Environment ) สังคม ชุมชน ( Social ) และกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Governance) ซึ่งการดูแลสังคม ชุมชนด้านสุขภาพอนามัย นับเป็นพันธกิจหลักของบริษัทที่ทำเป็นประจำ
“การมอบที่ดิน 36 ไร่ ในพื้นที่ของบริษัท เอ็ม บี เค รีสอร์ท จำกัด (มหาชน ) ในครั้งนี้เป็นภารกิจสำคัญต่อเนื่อง ในการดูแลสังคม ชุมชน และประชาชนให้มีสุขภาพดี ส่งผลถึงคุณภาพชีวิตที่ดี อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ” นายวิจักษณ์กล่าว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะดำเนินการจัดตั้งศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน (ANDAMAN HEALTH AND WELLNESS CENTER) ในพื้นที่ตั้งของวิทยาเขตภูเก็ต เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน ในระดับชาติและนานาชาติหรือ SDG ในส่วนของเป้าหมายที่ 3 Good Health and Well Being โดยเน้นการส่งเสริมสุขภาพให้ประชากรทุกช่วงวัยมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างมูลค่าทางการท่องเที่ยวมูลค่าสูงในมิติการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน จะขับเคลื่อนภารกิจ 5 ด้าน ได้แก่ การผลิตบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะไม่น้อยกว่า 197 คน/ปี และเป็นฐานในการอบรมและผลิตบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพไม่น้อยกว่า 1,000 คน/ปี อีกทั้งจะลดการส่งต่อผู้ป่วยโรคซับซ้อนไปต่างพื้นที่ไม่น้อยกว่า 13,500 ครั้ง/ปี รวมถึงการรักษาผู้ป่วยในที่มีความซับซ้อนไม่น้อยกว่า 25,000 คน/ปี และผู้ป่วยนอกไม่น้อยกว่า 300,000 คน/ปี เราจะเป็นศูนย์วิจัยและสร้างนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพระดับแนวหน้าของโลก และเป็นฐานในการสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Medical Hub อีกด้วย
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ขอขอบคุณผู้บริหารบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ที่ได้มอบที่ดินในพื้นที่อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต จำนวน 36 ไร่ จากการก้าวเข้ามามีส่วนร่วมของบริษัท เอ็ม บี เค รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) จึงถือเป็นก้าวสำคัญและก้าวที่ยิ่งใหญ่ต่อวงการด้านการศึกษาและด้านการแพทย์ ซึ่งแสดงเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่และชัดเจนอย่างยิ่งว่าไม่ใช่เพียงแค่สถานศึกษาหรือหน่วยงานของรัฐเท่านั้น ที่เล็งเห็นความสำคัญด้านสาธารณสุข แต่ภาคเอกชนก็พร้อมที่จะสนับสนุนในทุกมิติเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนในการส่งเสริมสาธารณสุขของไทยให้ก้าวไปสู่ความเป็น Medical Hub
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะดำเนินการภารกิจนี้ และจะจัดตั้งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภูเก็ต โดยมุ่งเน้นการดูแลผู้ป่วยโรคซับซ้อนเฉพาะทาง ที่มีขนาด 500 เตียง ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้อนุมัติงบประมาณก่อสร้าง วงเงิน 3,140 ล้านบาท ซึ่งการก่อตั้งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภูเก็ต จะช่วยลดช่องว่างระบบสุขภาพในพื้นที่และการส่งต่อผู้ป่วย ซึ่งจากนี้ไปภายในปี 2570 จะมีวิทยาลัยสุขภาพนานาชาติอันดามัน ทำหน้าที่ผลิตบุคลากรทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้เพียงพอและตรงต่อความต้องการของพื้นที่แถบอันดามัน ปิดช่องว่างปัญหาการรักษาของพื้นที่อันดามันในอดีต รวมทั้งการส่งเสริมอุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภูเก็ต เป็นโรงพยาบาลศูนย์ทางการแพทย์เฉพาะทางขนาดใหญ่ เพื่อให้การรักษาพยาบาลแก่ประชาชนในกลุ่มอันดามัน สามารถดูแลรักษาโรคซับซ้อนที่โรงพยาบาลในพื้นที่ไม่สามารถรองรับได้ โดยมีระบบการส่งต่อผู้ป่วยกับโรงพยาบาลต่าง ๆ และศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามันที่ให้บริการครบวงจรการแพทย์เพื่อสุขภาพ ทั้งการตรวจ การรักษา การฟื้นฟู และการส่งเสริมสุขภาพ โดยจะมีศูนย์ทันตกรรมดิจิทัลสงขลานครินทร์ เพื่อให้บริการทางทันตกรรมทั่วไปและเฉพาะทางที่มีความยุ่งยากซับซ้อน ซึ่งโครงการทั้งสามส่วนนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจ รวมทั้งเป็นการขยายศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางทางการแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่สำคัญของโลกด้วย