จากเทรนด์และเทคโนโลยีโซลาร์รูฟที่กำลังได้รับความนิยมในวงกว้าง โดยเฉพาะภาคครัวเรือนที่มีโอกาสเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ เอสซีจีจึงได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมหลังคาโซลาร์ เดินหน้าด้วยกลยุทธ์ SCG Solar Expert Station โมเดลธุรกิจที่ถูกพัฒนาขึ้นจาก Insight ของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ โดยสร้างจุดเชื่อมระหว่างลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านระบบหลังคาโซลาร์โดยตรง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า สามารถติดต่อและเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องได้รวดเร็วขึ้น ทำให้การติดตั้งหลังคาโซลาร์ รูฟ เป็นไปได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดย SCG Solar Expert หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโซลาร์จะให้คำปรึกษาฟรี แนะนำขั้นตอนและระบบการทำงาน, ออกแบบระบบหลังคาโซลาร์ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน พร้อมประเมินราคา โดยมีแผนขยายไปที่ SCG Home, SCG Home Experience และ SCG Authorized Dealer ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ มีสาขานำร่อง อาทิ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี อุบลราชธานี เชียงใหม่ และหาดใหญ่ พร้อมขยายไปยังหัวเมืองหลักเพื่อครอบคลุมทั่วประเทศ ภายในปี 2566
คุณวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business ในธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า ‘เอสซีจี โซลาร์ รูฟ โซลูชัน’ ในฐานะผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมระบบหลังคาโซลาร์ พร้อมโซลูชันครบวงจร ได้เล็งเห็นเทรนด์และแนวโน้มความนิยมด้านพลังงานสะอาด หรือพลังงานทดแทน จึงได้พัฒนานวัตกรรมหลังคาโซลาร์รูฟมาไม่น้อยกว่า 10 ปี โดยให้บริการติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์แบบครบวงจร พัฒนาสินค้านวัตกรรมให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะระบบการยึดติดแผงโซลาร์โดยไม่ต้องเจาะหลังคา เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องหลังคารั่วด้วย Solar FIX ตลอดจนพัฒนาสินค้าและบริการให้เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ไฟฟ้าในบ้านอย่างครอบคลุมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้เพื่อขับเคลื่อนและผลักดันให้พลังงานสะอาดสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งยอมรับว่าเป็นความท้าทายอย่างมากในการทำการตลาดระบบหลังคาโซลาร์ในไทย ที่นับได้ว่าเป็นเรื่องใหม่และกำลังเป็นที่พูดถึงอยู่ในปัจจุบัน แต่ส่วนใหญ่ยังต้องการความรู้และความเข้าใจอย่างถูกต้อง โดยกลยุทธ์ที่ต้องมุ่งเน้นไปพร้อม ๆ กันคือการสื่อสารเกี่ยวกับระบบหลังคาโซลาร์แก่ผู้บริโภค เริ่มตั้งแต่ความจำเป็น การติดตั้ง การใช้งาน รวมถึงความคุ้มค่าระยะยาว”
ซึ่งปัจจุบันยังพบว่าพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวันของผู้อยู่อาศัยมากขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟสูงขึ้นเฉลี่ย 30-50% และผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้นถึง 12-15% และคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 สัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนของโลกจะสูงขึ้นถึง 85% ซึ่งสามารถชี้วัดได้ว่าการใช้พลังงานแสงอาทิตย์มีแนวโน้มเพิ่มสูงตามลำดับ อาทิ การใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว รวมไปถึงปัจจัยร่วมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อัตราค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดในช่วงที่ผ่านมา ภาครัฐมีมาตรการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ประกอบกับด้านเทคโนโลยีในการติดตั้งและต้นทุนวัสดุอุปกรณ์ที่ถูกลง ไปจนถึงผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์นำระบบโซลาร์รูฟเข้ามาใช้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับโครงการที่อยู่อาศัย ตลอดจน Solar Energy Trading การซื้อขายพลังงานไฟฟ้าระหว่างครัวเรือน ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยเร่งให้พลังงานทางเลือกเพิ่มระดับความนิยมที่เข้มข้น รวมถึงผลักดันให้ตลาดโซลาร์รููฟเติบโตได้ดียิ่งขึ้น”
“โดยในช่วงปีที่ผ่านมา ‘เอสซีจี โซลาร์ รูฟ โซลูชัน’ เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมรุกขยายไปยังตลาดบ้านพักอาศัยที่มีศักยภาพสูง ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านระบบหลังคาโซลาร์ในตลาด Residential ประเทศไทย โดยคาดการณ์จากตัวเลขภายในปี 2566 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 200% ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีความแตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่งในตลาด ผ่าน 3 จุดแข็ง คือ EXPERT เอสซีจีมีวิศวกรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Solar & Home Energy management และมีความเชี่ยวชาญด้านหลังคาซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการติดตั้งโซลาร์ โดยมีบริการตรวจสุขภาพหลังคาก่อนการติดตั้ง พร้อมนวัตกรรม Solar FIX ที่ติดตั้งหลังคาโซลาร์โดยไม่ต้องเจาะหลังคา ทำให้หลังคาไม่เสี่ยงต่อการรั่วซึม ONE STOP SERVICE การให้บริการแบบครบวงจร โดยออกแบบระบบโซลาร์ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้ไฟของบ้านลูกค้า รวมถึงดำเนินการ ขออนุญาตกับทางภาครัฐ ทำให้การติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์กับเอสซีจีถูกต้องตามกฎหมาย 100% และ AFTER SALES SERVICE การรับประกันตลอด 25 ปีโดยเอสซีจี
ยิ่งไปกว่านั้น ยังถือเป็นโอกาสสำคัญให้คนไทยเกิดการตื่นตัวในเรื่องของพลังงานทดแทน ด้วยการยกระดับพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมประสิทธิภาพโซลาร์เซลล์อย่างสูงสุด โดยให้เหมาะสมต่อพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าและสภาพแวดล้อมของไทย ในฐานะที่เอสซีจีเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านระบบหลังคามาอย่างยาวนาน ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบันและอนาคต” คุณวชิระชัย คูนำวัฒนา กล่าวทิ้งท้าย
ประโยชน์และความคุ้มค่าการติดตั้งหลังคาโซลาร์
1. ช่วยลดค่าไฟสูงสุด 60%*
การติดตั้งโซลาร์ รูฟ กับ SCG Solar Roof Solutions สามารถช่วยลดค่าไฟได้สูงสุดถึง 60%* ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ขนาดของระบบ สภาพอากาศ และพฤติกรรมการใช้ไฟ โดยจะมีการตรวจเช็คสภาพหลังคาและออกแบบแผงโซลาร์ให้เหมาะกับการใช้งานของบ้านแต่ละหลัง ซึ่งการติดตั้ง SCG Solar Roof Solutions จะเหมาะกับบ้านที่มีค่าไฟรายเดือนตั้งแต่ 3,000 ขึ้นไป และเจ้าของบ้านก็สามารถติดตามการทำงานของหลังคาโซลาร์ได้ทันที ผ่านแอพพลิเคชัน ที่จะบอกให้เจ้าของบ้านทราบได้ทันทีว่าแต่ละวันหลังคาโซลาร์สามารถประหยัดเงินค่าไฟฟ้าได้เท่าไรแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะรายวัน รายเดือน หรือรายปี
* ขึ้นอยู่กับขนาดระบบ สถานที่ติดตั้ง สภาพอากาศ และปริมาณการใช้ไฟ
2. ปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย
หลาย ๆ บ้านที่มีผู้อาศัยเป็นผู้สูงอายุ ต้องอยู่บ้านตอนกลางวัน การติดตั้งโซลาร์ รูฟ จาก SCG Solar Roof Solutions มีความปลอดภัยและการรับรองตามมาตรฐานสากล ด้วยการติดตั้งจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโซลาร์ โดย SCG Solar Expert ที่ให้ข้อมูลตั้งแต่เริ่มต้นการติดตั้ง แนะนำขั้นตอนและระบบการทำงาน, ออกแบบระบบหลังคาโซลาร์ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน รวมถึงมีนวัตกรรม Solar FIX ติดตั้งโดยไม่ต้องเจาะกระเบื้องหลังคา ทนทานต่อแรงลม และไม่รั่วซึมจากการติดตั้ง
3. คุ้มค่าต่อการลงทุน
การติดตั้ง SCG Solar Roof Solutions ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่มีความคุ้มค่าสูง เพราะการใช้บริการระบบหลังคาโซลาร์ เอสซีจี มีการรับประกันแผงโซลาร์และประสิทธิภาพการผลิตไฟนาน 25 ปี (ประสิทธิภาพการผลิตไฟไม่ต่ำกว่า 80% ในปีที่ 25 ของการใช้งาน) สำหรับบ้านพักอาศัยก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า โดยจะคืนต้นทุนได้ในระยะเวลาประมาณ 7-10 ปี (เฉพาะระบบ On Grid และขึ้นอยู่กับขนาดที่ติดตั้ง)
4. ใช้ไฟได้ไม่จำกัด
ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องทำงานอยู่ที่บ้านและพักอาศัยในช่วงเวลากลางวัน เพราะสามารถใช้ไฟฟ้าได้ไม่จำกัด และหากติดตั้งเป็นระบบ Hybrid ที่มีแบตเตอรี่สามารถกักเก็บไฟฟ้าไว้ใช้ในตอนกลางคืน ก็ยิ่งช่วยให้มีพลังงานสะอาดใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
5. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ ก็เพราะเป็นพลังงานสะอาด (Clean Energy) 100% ไม่มีการปล่อยก๊าซ CO2 สู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มนุษย์ และสัตว์
พบกับ SCG Solar Expert Station ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบหลังคาโซลาร์ได้ที่หน้าร้าน SCG HOME Experience, SCG HOME และ SCG Authorized Dealer สาขานำร่อง หรือดูรายละเอียดได้ที่ https://www.scgbuildingmaterials.com/th/solution/solar-roof และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ SCG Contact Center 02-586-2222