คุณเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น
ทรู เปิดตัว “ทรูเอ็กซ์” (TrueX) พร้อมส่งลิซ่า BLACKPINK เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ หวังดึงเทคโนโลยีเข้าสู่ไลฟ์สไตล์คนไทย โดยมาพร้อม 6 โซลูชันที่ทรูเผยว่าทำการวิจัยแล้วว่าคนไทยต้องการ ให้สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueX ตั้งเป้ายอดดาวน์โหลด 1 ล้านครั้งภายในสิ้นปี ขณะที่ตัวเลขรายได้ที่ตั้งเป้าจากบริการดังกล่าวพบว่ายังไม่มีการเปิดเผยให้ทราบแต่อย่างใด
สำหรับบริการที่จะเกิดขึ้นใน TrueX ประกอบด้วย 6 แกนสำคัญ ได้แก่
- X-Home ผู้ช่วยอัจฉริยะดูแลบ้าน ด้วยระบบควบคุมอุปกรณ์ IoTs ผ่านสมาร์ทโฟนแบบเรียลไทม์
- X-Learning ผู้ช่วยอัพสกิลการเรียนรู้ด้วยคอร์สเรียนออนไลน์บนแพลตฟอร์ม VCourse
- X-Health ผู้ช่วยดูแลสุขภาพออนไลน์ผ่านแอปฯ MorDee (หมอดี)
- X-Utility & Energy เทคโนโลยีพลังงานทางเลือก
- X-Shopping ดีลสำหรับขาช้อป
- X-Entertainment แกนด้านความบันเทิง เช่น อุปกรณ์ VR
คุณเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การเปิดตัว “ทรูเอ็กซ์” (TrueX) เป็นการนำเสนอเทคโนโลยีแห่งการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปมาก เน้นความสะดวกสบาย รวดเร็ว เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลาทุกดีไวซ์ โดยทรูเอ็กซ์จะทำหน้าที่เป็น ออล-อิน-วัน แอป สำหรับให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่ติดตั้งจนถึงหลังการขาย และมาพร้อมนโยบายการเปลี่ยนเครื่องหรืออุปกรณ์ให้ใหม่เมื่อชำรุด โดยมีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมงด้วย
ส่วนการใช้ “ลิซ่า BLACKPINK” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์นั้นน ผู้บริหารทรูเผยว่า ได้มีการบินไปถ่ายทำถึงประเทศเกาหลีใต้ พร้อมด้วยการถ่ายทำและการลงรายละเอียดการผลิตในทุกขั้นตอน
X Home เตรียมเชื่อมต่อ IoT ทุกค่ายไตรมาส 3
ทั้งนี้ หนึ่งในบริการที่คาดว่าจะเป็นตัวชูโรงก็คือ X Home หรือโซลูชันและแพ็กเกจดูแลบ้าน ที่มาพร้อมเทคโนโลยีควบคุมบ้านอัจฉริยะ โดยคิดค่าบริการเป็นรายเดือน เริ่มต้นที่ 199 บาท ซึ่งผู้บริหารทรูมองว่าเป็นราคาที่สามารถเข้าถึงคนไทยได้ในวงกว้าง
ส่วนฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ X Home เช่น
- สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ภายในบ้านได้
- สามารถควบคุมอุปกรณ์ IoT เหล่านั้นได้จากแอปพลิเคชันได้ตลอดเวลา
- สามารถเพิ่มจำนวนบ้านได้ (กรณีมีบ้านหลายหลัง)
- สั่งการด้วยเสียงภาษาไทยได้
- มีระบบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์
สำหรับลูกค้าทรูออนไลน์ ทางผู้บริหารทรูเผยว่า สามารถสมัครแพ็กเกจดูแลบ้าน พร้อมชุดอุปกรณ์ความปลอดภัย 5 ชิ้น ได้แก่ กล้อง CCTV พร้อมบริการคลาวด์, เซนเซอร์ตรวจจับควัน, เซนเซอร์ติดหน้าต่างประตูตรวจจับผู้บุกรุก, หลอดไฟอัจฉริยะ, มินิฮับเกตเวย์เชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ในราคา 199 บาท/เดือน (ผูกสัญญา 18 เดือน)
ส่วนผู้ที่อยากใช้อุปกรณ์ IoT อื่น ๆ มาต่อพ่วงด้วยนั้น คุณปฐม อินทโรดม กรรมการผู้จัดการธุรกิจไอโอที และดิจิทัลโซลูชัน บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด เผยว่า จะสามารถทำได้บนแอปพลิเคชัน TrueX ในไตรมาส 3 ของปีนี้เป็นต้นไป
คุณปฐม อินทโรดม กรรมการผู้จัดการธุรกิจไอโอที และดิจิทัลโซลูชัน บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด
นอกจากนี้ บน TrueX ยังมีบริการอย่าง X Learning แพลตฟอร์มเรียนรู้ พร้อมรับประกาศนียบัตรเมื่อเรียนจบ, X Health ซึ่งเป็นโซลูชันและแพ็กเกจการดูแลสุขภาพ สามารถปรึกษาหมอผ่านแอป MorDee (หมอดี) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่เป็นบริการแบบ Subscription รวมถึง X-Shopping ดีลสำหรับขาช้อป และ X-Entertainment สำหรับคนรักความบันเทิง และเทคโนโลยี VR รวมอยู่ด้วย
เอาใจสายกรีนด้วยพลังงานทางเลือก
อีกหนึ่งแกนที่น่าสนใจบน TrueX คือ X Utility & Energy ซึ่งเป็นโซลูชันและแพ็กเกจประหยัดพลังงาน เช่น เครื่องกรองน้ำอัจฉริยะที่สามารถสั่งการ ตั้งค่า และอ่านผลการกรองน้ำผ่านแอปฯ หรือ Solar Rooftop และ EV Charger ที่ออกแบบให้เหมาะสมกับพื้นที่และปริมาณการใช้ไฟฟ้าของแต่ละบ้าน โดยผู้บริหารทรูเผยว่า จะมาพร้อมการติดตั้งและบริการหลังการขายแบบครบวงจรถึงบ้าน
ทั้งนี้ TrueX คิดค่าใช้จ่ายแพ็กเกจประหยัดพลังงาน เครื่องกรองน้ำอัจฉริยะที่มาพร้อมเทคโนโลยี RO (Reverse Osmosis) เริ่มต้นที่ 10,932 บาท หรือ Solar Rooftop แบบ One-stop-service ตั้งแต่การออกแบบติดตั้ง บำรุงรักษาและการขออนุญาตกับทางหน่วยงานรัฐ พร้อมรับประกันประสิทธิภาพอุปกรณ์ 25 ปี และรับประกันการติดตั้ง 2 ปี ติดตั้งและคืนทุนภายใน 5 ปี ลดค่าไฟได้เฉลี่ยเดือนละ 2,000 บาทโดยลูกค้าทรูแบล็ก รับสิทธิ์สำรวจพื้นที่ฟรีด้วยเช่นกัน
จากการเคลื่อนไหวดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ทิศทางการสร้างรายได้ของผู้ให้บริการโทรคมนาคมไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากเดิมที่ยึดกับรายได้ค่าบริการโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก แต่ปัจจุบัน มีการขยับไปสู่รายได้แบบ Subscription รวมถึงมีการผนวกสินค้าที่จับต้องได้เข้ามาใน Ecosystem มากขึ้น ซึ่งในจุดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงพลังของการมีแพลตฟอร์ม และการมีฐานลูกค้าหลายสิบล้านคนในมือได้เป็นอย่างดี เพราะการมีทั้งสองสิ่งในยุคนี้ ทำให้ผู้ที่ครอบครองสามารถก้าวเข้าไปยังตลาดต่าง ๆ ที่ยากจะเข้าถึงได้ในอดีตได้อย่างรวดเร็ว