หากพูดถึง “Digital Disruption” แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่นับเป็นโจทย์ท้าทาย “อุตสาหกรรมโฆษณาและการสื่อสาร” ขึ้นเรื่อยๆ เพราะส่งผลให้ Media Landscape และพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ดังนั้น การที่ธุรกิจและคนทำงานจะอยู่รอด นอกจากการเปลี่ยนวิธีคิดใหม่แล้ว การรู้จัก Upskill Reskill ตัวเองเพื่อเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ มาใช้ในการสร้างสรรค์งานมากขึ้น รวมถึงการปั้นคนรุ่นใหม่เข้ามาเสริมทัพเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับวงการโฆษณาก็เป็นเรื่องสำคัญ
จากความเข้าใจและเห็นความท้าทายเหล่านี้ “กลุ่มบริษัท เดนท์สุ” จึงร่วมกับ 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำระดับประเทศ จัดโครงการ “เดนท์สุ อัลฟ่า” (dentsu Alpha: Paths to the never-before) เพื่อเฟ้นหาคลื่นลูกใหม่ที่สนใจ และมี Passion ในสายงานโฆษณา เข้าร่วมพัฒนาทักษะและเรียนรู้การทำงานจริงจากกูรูแถวหน้าของวงการ เพื่อเตรียมคนให้พร้อมรับมือทุกการเปลี่ยนแปลงและก้าวสู่โลกการทำงานจริงอย่างมืออาชีพ
ปั้น “Dentsu Alpha” บ่มเพาะคนคุณภาพรุ่นใหม่
สำหรับความร่วมมือกับ 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยในครั้งนี้ ต้องนับว่าเป็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญของวงการโฆษณาไทย เพราะเป็นครั้งแรกที่กลุ่มบริษัทโฆษณาจับมือกับ 10 มหาวิทยาลัยพร้อมกันเพื่อเฟ้นหาคนรุ่นใหม่สู่วงการโฆษณา ซึ่งจุดเริ่มต้นของความร่วมมือกัน คุณโอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มด้านการตลาดและนวัตกรรม กลุ่มบริษัทบริษัท เดนท์สุ ประเทศไทย บอกว่า นอกจากการเปลี่ยนแปลงของ Media Landscape แล้ว ยังมาจากวิชั่นของกลุ่มบริษัท เดนท์สุ ที่ให้ความสำคัญกับการสร้าง “คน” คุณภาพเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะคน Gen Z ซึ่งเป็นกำลังสำคัญที่จะเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมในอนาคต แต่เมื่อมาดู Speed ของการผลิตคนรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดกลับยังไม่มากพอ
จึงทำให้เกิดโครงการ dentsu Alpha ขึ้นมา ซึ่งเป็นการจับมือกันระหว่างภาควิชาการและองค์กรวิชาชีพเข้าด้วยกัน เพื่อเติมเต็มศักยภาพคนรุ่นใหม่เหล่านี้ให้เป็นบุคลากรคุณภาพของวงการและยกระดับวงการโฆษณาไทยให้แข็งแกร่งขึ้น โดยในปีแรกจะนำร่องจับมือ 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยก่อน ประกอบด้วยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC), มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ในสายงานเอเจนซี่โฆษณา
โดยภายใต้ความร่วมมือนี้จะแบ่งการอบรมเป็น 2 รอบ สำหรับรอบแรก มหาวิทยาลัยทั้ง 10 แห่งจะคัดเลือกนักศึกษาชั้นปีที่ 3 และ 4 ที่มีศักยภาพ และมีความสนใจในสายงานโฆษณา มหาวิทยาลัยละ 10 คน เพื่อเข้าร่วมสัมมนา dentsu Alpha Symposium เป็นระยะเวลา 2 วัน โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญในแวดวงเอเจนซี่ รวมถึงเหล่ากูรูอินฟลูเอนเซอร์ มาแชร์ประสบการณ์ด้านการตลาดและสื่อดิจิทัลแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ Media Landscape ในปัจจุบัน, การประยุกต์ใช้ AI (Artificial Intelligence) เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า นอกจากนี้ ยังได้อัพเดทเทรนด์และเรียนรู้เทคโนโลยีที่มีบทบาทในการเพิ่มขีดความสามารถ และทักษะทางธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์ที่จะทำให้ทุกคนเห็นกระบวนการคิดและนำไปต่อยอดในการทำงานจริง
“โครงการนี้เราเปิดกว้างสำหรับเด็กทุกสาย ไม่จำกัดต้องเรียนนิเทศศาสตร์หรือสายงานโฆษณาก็สามารถเข้ามาได้ ขอแค่มีใจรักและอยากทำงานในสายงานนี้ เพราะเรามองว่าเด็กสมัยนี้โตมากับเครื่องมือสมัยใหม่ และปัจจุบันคนทำงานในแวดวงเอเจนซี่หลายคนก็ไม่ได้จบจากสายตรง เช่น คนคิดกลยุทธ์ ก็มาจากสายสังคม หรือมนุษยวิทยา เพราะเรากำลังสื่อสารให้โดนใจคน บางทีคนคิด Marketing มากๆ จะมองในมุมของการขาย แต่คนฟังไม่อยากฟัง เพราะฉะนั้น ถ้าเราได้คนที่มีความเข้าใจคน คอนเนคกับคนได้ จะช่วยให้เข้าถึงคนได้มากขึ้น”
ต่อยอดการเรียนรู้ กับมืออาชีพจริง
คุณโอลิเวอร์ บอกว่า หลังจากน้องๆ 100 คนเข้ามาอบรมใน dentsu Alpha Symposium น้องๆ ที่มี Passion และผลงานเข้าตาคณะกรรมการจะถูกคัดเลือกเข้าสู่ dentsu Alpha Certified จำนวน 30 คน แบ่งเป็นมหาวิทยาลัยละ 3 คน เพื่อเข้ามา Workshop เรียนรู้การทำงานจริงในแผนกต่างๆ จากมืออาชีพที่เดนท์สุเป็นเวลา 5 สัปดาห์ ซึ่งจะช่วยให้น้องๆ ได้เรียนรู้โลกแห่งความเป็นจริงในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว และนำไปพัฒนาศักยภาพในการสร้างสรรค์งานสู่ระดับมืออาชีพ พร้อมได้รับ Certificate รับรองจากเดนท์สุ
“เด็กยุคใหม่ต้องการสัมผัสการทำงานในโลกจริงๆ เพื่อให้รู้ว่ามืออาชีพทำงานอย่างไร มากกว่าการได้ประกาศนียบัตร เพราะจะช่วยให้พวกเขาได้เพิ่มพูนความรู้ที่นอกจากความรู้ทางทฤษฎี และต่อยอดไปสู่ความสำเร็จในการทำงานได้เร็วขึ้น”
คุณโอลิเวอร์ ยังให้ข้อมูลว่า ในอนาคตเดนท์สุมีแผนจะจัดโครงการ dentsu Alpha ต่อเนื่องทุกปี และขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อสร้างเด็กรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพเข้าสู่อุตสาหกรรมมากขึ้น