เชื่อว่าหลายคนอาจเคยได้ยินวลี “Revenge Shopping” หรือการช้อปปิ้งให้สาแก่ใจในช่วง Covid-19 ระบาด เพราะต้องการระบายความเครียดจากการไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตในโลกภายนอกเหมือนเคย และเมื่อวิกฤติ Covid-19 จบลง ตอนนี้อาจถึงเวลาของ Revenge Travelling หรือการท่องเที่ยวเพื่อล้างแค้นแล้วก็เป็นได้ เพราะ Traveloka อีกหนึ่งแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวจากอินโดนีเซียออกมาเผยสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับการค้นหาข้อมูลด้านการท่องเที่ยวของผู้บริโภคชาวไทยว่าเพิ่มขึ้นถึง 200%
ตัวเลขดังกล่าวมาจากการเก็บข้อมูลของ Traveloka ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2023 โดยพบว่ามีการค้นหาข้อมูลเที่ยวบินระหว่างประเทศ และข้อมูลที่พักในต่างแดนเพิ่มขึ้นถึง 200% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2022
ทั้งนี้ ในประเทศที่ Traveloka เปิดให้บริการนั้น พบว่า ประเทศที่มีความตื่นตัวด้านการเดินทางสูงสุด 3 อันดับแรกคือ ไทย, เวียดนาม และอินโดนีเซีย
“นักท่องเที่ยวที่เดินทางครั้งแรกจะเริ่มจากการเดินทางในประเทศก่อน จากนั้นจะเริ่มเดินทางไปประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นลำดับถัดมา โดยเราพบว่า ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่นักเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกเลือกมากที่สุด ตามมาด้วยฮ่องกง จากนั้นจึงเริ่มเดินทางไปยัง ญี่ปุ่น, เกาหลี ฯลฯ ก่อนจะเริ่มไปประเทศที่ไกลออกไป เช่น สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย” คุณอิโก้ พูเทร่า (Iko Putera) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Transport ของ Traveloka กล่าว
ในแง่ของพฤติกรรมการใช้จ่าย ผู้บริหาร Traveloka เผยว่า บนแพลตฟอร์มมีผู้ใช้งานหลายกลุ่ม แต่พบการใช้จ่ายสูงในกลุ่ม Young Professional ซึ่งมักเป็นกลุ่มที่เริ่มมีครอบครัว และมีหน้าที่การงานที่ดี มีรายได้สูง พร้อมเผยว่า พฤติกรรมของนักเดินทางยุคหลัง Covid-19 ที่เห็นเด่นชัด คือ การใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว และบริการที่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานนอกเหนือจากการจองตั๋ว – ที่พักมากเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือ การซื้อประกันภัยการเดินทาง ผ่านแพลตฟอร์ม
ทั้งนี้ จุดหมายปลายทางที่ผู้ใช้งาน Traveloka ให้ความสนใจมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, ฮ่องกง, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ และญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่คาดการณ์ว่าจะมีคนไทยเดินทางไปมากที่สุดด้วย
คาดคนไทยแห่เที่ยวญี่ปุ่นทะลุ 1 ล้านคน
ขณะที่ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็มีความสอดคล้องกับทิศทางดังกล่าว เห็นได้จากตัวเลขการเดินทางออกนอกประเทศของคนไทยในเดือนธันวาคม 2022 ที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปี
เช่นเดียวกับข้อมูลของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (Thai Travel Agnets Association : TTAA) ที่ได้คาดการณ์ว่า นักท่องเที่ยวไทยอาจเดินทางไปญี่ปุ่นมากถึง 1 ล้านคนในปีนี้ และ TTAA ยังคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปต่างประเทศในปีนี้สูงถึง 6 – 7 ล้านคน หรือคิดเป็น 70% ของจำนวนคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศก่อนเกิดสถานการณ์ Covid-19 (ในเวลานั้นมีคนเดินทางออกนอกประเทศ 11 – 12 ล้านคน)
อย่างไรก็ดี นอกจากคนที่มีโอกาสได้เดินทางแล้ว ก็ยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ไม่สามารถลางานไปท่องเที่ยวได้ ซึ่งในมุมของแพลตฟอร์ม Traveloka คุณอิโก้เผยว่า สามารถเข้าถึงคนกลุ่มนี้ได้ผ่านคอนเทนต์รูปแบบอื่น เช่น บทความแนะนำด้านการท่องเที่ยว สถานที่ที่ไม่ควรพลาด อาหารที่ควรไปชิมสักครั้ง ฯลฯ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของประเทศปลายทางให้อ่านกันแก้คิดถึงนั่นเอง
แต่สำหรับใครที่มีโอกาสเดินทาง ผู้บริหาร Traveloka เผยว่าได้มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานอีก 3 ตัว ได้แก่
- Student Tickets ตั๋วเครื่องบินสำหรับนักเรียนนักศึกษาในราคาพิเศษ
- โรงแรมที่สามารถจ่ายเงินในวันเข้าพัก (Pay Upon Check-in) เพื่อลดปัญหาในกรณีโรงแรมไม่ตรงปก
- บริการ Xperience สำหรับอำนวยความสะดวกในการขอคืนเงิน และเปลี่ยนแปลงกำหนดการต่าง ๆ
ปัจจุบัน Traveloka เปิดให้บริการแล้วใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ และมียอดดาวน์โหลด 122 ล้านครั้ง โดยความแตกต่าง และอาจเป็นจุดเด่นของแพลตฟอร์มคือการให้บริการด้วยภาษาในประเทศนั้น ๆ พร้อมวิธีการชำระเงินสำหรับแต่ละประเทศที่มีมากกว่า 30 วิธี
ขณะที่ในประเทศไทย – เวียดนาม ทางบริษัทเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนดังอย่าง “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” เพิ่มเพิ่มการรับรู้ของแพลตฟอร์มด้วย โดยมองว่า ใบเฟิร์นสามารถเป็นตัวแทนของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่มองหาสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ รวมถึงสามารถเข้าถึงข้อเสนอประเภท ตั๋วเครื่องบิน โรงแรม กิจกรรมต่าง ๆ ในราคาที่เหมาะสมได้นั่นเอง