HomeBrand Move !!“McDonald’s vs Burger King” เมื่อ ChatGPT ตอบชัด ๆ เบอร์เกอร์ของใคร “ใหญ่ที่สุด”

“McDonald’s vs Burger King” เมื่อ ChatGPT ตอบชัด ๆ เบอร์เกอร์ของใคร “ใหญ่ที่สุด”

แชร์ :

chatgpt

อาจเรียกได้ว่าเป็นไอเดียการใช้ Generative AI อย่าง ChatGPT ได้ไร้ขีดจำกัดมากขึ้นเรื่อย ๆ กับกรณีที่เกิดขึ้นในบราซิล เมื่อทีมเอเจนซีของ McDonald’s ตัดสินใจใช้ Gen AI ชื่อดังแห่งยุคอย่าง ChatGPT ช่วยสร้างคอนเทนต์โปสเตอร์ให้กับทางแบรนด์ แต่ก็ต้องเจอการสวนกลับแบบหยิกแกมหยอกของ Burger King ทันควัน

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

สิ่งที่เอเจนซีของ McDonald’s ส่งคำถามไปก็คือ เบอร์เกอร์ที่ได้รับการจดจำมากที่สุดในโลกคือเบอร์เกอร์แบรนด์ใด และคำตอบที่ได้รับกลับมาก็สมใจ McDonald’s  เพราะมันคือ Big Mac ซึ่งทาง McDonald’s ได้นำคำตอบจาก ChatGPT มาทำเป็นโปสเตอร์และแปะทั่วเมืองเซาเปาโล

ด้าน Burger King ไม่รอช้า ขอทำบ้าง โดยพวกเขาส่งคำถามไปยัง ChatGPT ว่า แล้วเบอร์เกอร์ค่ายไหนใหญ่ที่สุด ซึ่งคำตอบจาก ChatGPT ก็คือ Whopper โดย ChatGPT บอกว่า Whopper นั้นถือเป็นเบอร์เกอร์ที่ใหญ่ที่สุด ทั้งในแง่ขนาดและส่วนผสม โดยมาพร้อมเนื้อย่างไฟ ขนมปังใส่งา ชีส มะเขือเทศ แตงกวาดอง หอมใหญ่ มายองเนส และซอสมะเขือเทศ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการอาหารที่มีประโยชน์ (แถม ChatGPT ยังสามารถบอกได้ด้วยว่า ขนาดและส่วนผสมของ Whopper นั้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ)

whopper chatgpt

เมื่อได้คำตอบมาแล้ว David เอเจนซี่ของ Burger King ก็ไม่รอช้า พวกเขาเลือกที่จะพิมพ์โปสเตอร์ดังกล่าวในสไตล์คล้าย ๆ กับ McDonald’s (ในแง่วิธีการใช้สี ที่เลียนแบบจากสีของเบอร์เกอร์) และนำไปติดข้าง ๆ โปสเตอร์ของ McDonald’s ทั่วเมืองเซาเปาโลด้วย งานนี้เลยกลายเป็นเรื่องสนุก และใช้เป็นกรณีศึกษาการใช้ Gen AI ในโลกแห่งความคิดสร้างสรรค์ได้ดีทีเดียว

คาด Gen AI โต 42% ใน 10 ปี

ทั้งนี้ มีข้อมูลจาก Bloomberg Intelligence คาดการณ์ว่า Generative AI จะกลายเป็นธุรกิจมูลค่า 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 44.89 ล้านล้านบาท ภายในปี 2032 จากที่ตอนนี้มีมูลค่าราว 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ตัวเลขในปี 2022)

Bloomberg Intelligence ระบุด้วยว่า บริษัทที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเติบโตดังกล่าวคือ AWS, Microsoft, Google และ Nvidia เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ จะย้ายกระบวนการทำงานขึ้นไปอยู่บนคลาวด์ของผู้ให้บริการเหล่านี้นั่นเอง

ในรายงานยังระบุด้วยว่า บริการประเภท Generative AI infrastructure as a service อาจโตจนมีมูลค่า 247,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2032 หรือการนำ Generative AI มาใช้ในการโฆษณาดิจิทัลก็คาดว่าทำรายได้ 192,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนการใช้ Generative AI เป็นซอฟต์แวร์ผู้ช่วยที่จะทำเงินได้ 89,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว หรือคิดเป็นการเติบโต 42% ในระยะเวลา 10 ปี

Source

Source


แชร์ :

You may also like