เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในสิ่งที่ผู้ใช้งาน Facebook ในประเทศไทยหยิบยกมาพูดถึงกันก็คือบริการ Meta Verified ที่จะมีการคิดค่าบริการรายเดือนกับผู้ใช้งานในราคา 429 บาท แลกกับการยืนยันตัวตน และสิทธิพิเศษต่าง ๆ โดย Meta บริษัทแม่ของ Facebook ได้เริ่มให้บริการ Meta Verified นี้แล้วในหลายประเทศ เช่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา
สำหรับความพิเศษของการเป็นสมาชิก Meta Verified พบว่าคนที่สมัครจะได้รับ
- เครื่องหมายการตรวจสอบยืนยัน
- สิทธิ์การเข้าถึงการสนับสนุนบัญชีสำหรับปัญหาที่พบบ่อย
- การตรวจสอบเชิงรุกเพื่อหาการแอบอ้าง
- สติกเกอร์พิเศษในสตอรี่และคลิป Reels บน Facebook ของเจ้าของบัญชี
Meta Verified ราคาเท่าไร
ในเว็บไซต์ของ Facebook.com ระบุว่า พวกเขาคิดราคา Meta Verified ไว้ที่ 11.99 เหรียญสหรัฐต่อเดือน สำหรับการสมัครใช้บริการผ่านเว็บไซต์ และ 14.99 เหรียญสหรัฐต่อเดือน สำหรับการสมัครใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน ส่วนประเทศอื่น ๆ จะได้รับแจ้งเรทราคาของตัวเอง หากฟีเจอร์นี้เปิดใช้งาน สำหรับในประเทศไทยพบว่ามีการระบุไว้ที่ 429 บาทต่อเดือนเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดี Meta ระบุด้วยว่า การสมัครใช้บริการ Meta Verified บน Facebook จะไม่มีผลกับบัญชี Instagram แพลตฟอร์มน้องของ Facebook (ถ้าอยากได้สิทธินี้บน Instagram ด้วย ก็ต้องไปสมัครบน Instagram เพิ่มอีกต่างหาก)
นอกจากนั้น การเข้าถึงสิทธิประโยชน์ของ Meta Verified อาจถูกปิดใช้งานหรือยกเลิกได้ทุกเมื่อ หากพบว่ามีการละเมิดข้อกำหนดในการใช้บริการหรือมาตรฐานชุมชนของ Facebook และหากเกิดการยกเลิกหรือเพิกถอน เจ้าของบัญชีจะไม่สามารถเข้าถึงการสนับสนุนได้อีกต่อไป และการสนทนาใด ๆ ที่เจ้าของบัญชีเปิดไว้กับทีมสนับสนุนอาจถูกปิดลงด้วย
เอกสารแบบไหนที่ต้องใช้ในการสมัคร
แน่นอนว่า เมื่อต้องการสมัคร Meta Verified ก็ต้องมีการยืนยันตัวตน (เจ้าของบัญชีต้องมีอายุเกิน 18 ปี) และมีการอัปโหลดเอกสาร โดย Facebook ระบุว่า ต้องเป็นเอกสารประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาล ยกตัวอย่างเช่น ใบอนุญาตขับขี่, บัตรประจำตัวประชาชน, หนังสือเดินทาง, สูติบัตร และต้องมีข้อมูลตรงกับ
- ชื่อจริงและนามสกุลบนโปรไฟล์ของเจ้าของบัญชี
- รูปโปรไฟล์ของเจ้าของบัญชี (จะต้องเป็นภาพหน้าตรงและเห็นทั้งใบหน้า)
จ่ายเงินอย่างไรให้ Meta Verified
สำหรับการคิดเงิน พบว่าระบบจะเรียกเก็บค่าบริการ Meta Verified เป็นรายเดือน และจะต่ออายุโดยอัตโนมัติทุกเดือน เว้นแต่จะมีการบอกเลิกการต่ออายุอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนถึงวันครบกำหนดชำระเงินครั้งถัดไป
ส่วนวิธีการเก็บเงินนั้นระบบจะเรียกเก็บค่าบริการการสมัคร Meta Verified จากวิธีการชำระเงินปัจจุบันที่เชื่อมต่อกับบัญชี Facebook ของเจ้าของบัญชี และจะถูกเรียกเก็บค่าบริการโดยอัตโนมัติทุกเดือนนับจากวันที่ชำระเงินครั้งแรก จนกว่าจะยกเลิกการสมัคร Meta Verified เช่น หากเจ้าของบัญชีชำระค่าสมัครในวันที่ 24 มกราคม ก็จะถูกเรียกเก็บค่าบริการอีกครั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 24 มีนาคม และวันที่เดียวกันในเดือนถัด ๆ ไป โดยสามารถจ่ายได้ผ่าน Meta Pay หรือจ่ายผ่านบริการของ App Store ของ Apple หรือ Google Play Store นั่นเอง
Meta Verified ยังไม่เปิดใช้ใน “ประเทศไทย”
แม้จะเตรียมการ – ให้ข้อมูลมาพร้อมสรรพแล้ว แต่ในเว็บไซต์ของ Facebook.com ก็ระบุไว้ด้วยว่าฟีเจอร์ Meta Verrified ยังไม่พร้อมใช้งานในประเทศไทย และยังไม่เปิดให้บัญชีธุรกิจได้ใช้งานแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าความชัดเจนจาก Meta ประเทศไทย คงเกิดขึ้นในอีกไม่นานเกินรอ