HomeBrand Move !!รู้จัก “แจ็ค แอนด์ จิล” (Jack’n Jill) เส้นทาง 30 ปี กับ 10 เรื่องน่ารู้ กว่าจะมาเป็น 1 ใน 10 ผู้เล่นหลักที่ครองตลาดสแน็คเมืองไทย

รู้จัก “แจ็ค แอนด์ จิล” (Jack’n Jill) เส้นทาง 30 ปี กับ 10 เรื่องน่ารู้ กว่าจะมาเป็น 1 ใน 10 ผู้เล่นหลักที่ครองตลาดสแน็คเมืองไทย

แชร์ :

jack'n jill

เมื่อพูดนึก Jack ’n Jill (แจ็ค แอนด์ จิล) หลายคนคงนึกถึงผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวอย่าง  ฟันโอ, ทิวลี่ ,โลซาน ,โรลเลอร์โคสเตอร์ ดิวเบอร์รี่ และ ไดนาไมท์ ที่ครองใจคนไทยทุกช่วงวัยมานานกว่า 30 ปี จนหลายคนเกิดความสงสัยว่าเจ้าขนมแบรนด์ดังรายนี้มีที่มาเป็นอย่างไร 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

 BrandBuffet พาทำความรู้จัก Jack ’n Jill (แจ็ค แอนด์ จิล) กับเส้นทางการเติบโตในตลาดขนมขบเคี้ยวเมืองไทย ตั้งแต่จุดเริ่มต้น กว่าจะมาเป็น 1 ใน 10 ผู้เล่นหลักที่ครองตลาดขนมขบเคี้ยวเมืองไทยในปัจจุบัน

1.Jack ’n Jill (แจ็ค แอนด์ จิล) เป็นแบรนด์ขนมที่มาจากฟิลิปปินส์ เกิดขึ้นในปี 1954 และเริ่มเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปี 2536 จนประสบความสำเร็จยาวนาน ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวยอดนิยมในประเทศไทย ก่อตั้งครั้งแรกในปี 1993 โดยมี “โรลเลอร์ โคสเตอร์” เป็นสินค้าแบรนด์แรกในการทำตลาด ก่อนที่จะเปิดตัวแบรนด์ที่ 2 คือ “ทิวลี่” ในปี 1997 แบรนด์ “โลซาน-ไดนาไมท์” ในปี 2000 และแบรนด์ “ฟันโอ” ในปี 2003

2.ปัจจุบัน Jack ’n Jill มีผลิตภัณฑ์ในเครือฯ มากกว่า 15 แบรนด์ มีสินค้ากว่า 200 SKUs แบ่งเป็น 5 หมวดสินค้า ได้แก่ บิสกิต, เวเฟอร์, ขนมขบเคี้ยว, เค้ก และลูกอม ปัจจุบันมีสินค้าเรือธงที่ครองความเป็นหนึ่งในตลาดบิสกิสและเวเฟอร์ บิสกิต มีส่วนแบ่งการตลาด 34% จากมูลค่าตลาด 4,065 ล้านบาท และ เวเฟอร์ มีส่วนแบ่งการตลาด 20% จากมูลค่าตลาด 4,694 ล้านบาท ดังนั้นจึงถือว่า Jack ’n Jill (แจ็ค แอนด์ จิล ครองความเป็นเบอร์ 1 ในตลาดบิสกิต และเวเฟอร์ในขณะนี้

 

Jack ’n Jill 2

 

3. ปัจจุบัน Jack ’n Jill  ถือเป็น 1 ใน 10 ผู้เล่นหลักในตลาดขนมขบเคี้ยวเมืองไทยมูลค่ากว่า 74,000 ล้านบาท โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 10% ทั้งนี้เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบ 30 ปี ทางแจ็ค แอนด์ จิล จึงพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ได้ทุ่มงบกว่า 300 ล้านบาท เพื่อติดท็อป 3 Advertisers ของบริษัทที่มีมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน โดยแบ่งเป็นการทำออนไลน์ 60% และออฟไลน์ 40%

4.นอกจากนี้ยังจัดแคมเปญพิเศษตลอด 12 เดือน ผ่านช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดีย อาทิ โรลเลอร์โคสเตอร์จัดแคมเปญ “กินไปมันส์ไปใช้ชีวิต Roller Coaster” ที่มอบรางวัลใหญ่ให้ผู้โชคดีเป็นแพคเกจตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ไปใช้ชีวิตสุดมันส์นั่งโรลเลอร์โคสเตอร์ที่สวนสนุก Universal Studios ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 30 ปีในไทยอีกด้วย

5.พร้อมกันนี้ยังมอบขวัญพิเศษฉลองครบรอบ 30 ปีในปีนี้ การนำสินค้าเรือธงอย่างบิสกิต “ฟันโอ 6 ชิ้น ราคา 6 บาท” และการรีแคมเปญ “ทิวลี่ ทวิน อร่อยฟิน 2 ชิ้น 2 บาท” ที่เคยเป็นกระแสและได้รับความนิยมในอดีตกลับมาทำตลาดอีกครั้ง ตามคำเรียกร้องของผู้บริโภค ซึ่งเป็นการชูจุดขายสินค้าที่มีคุณภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า

 

Fun O No. 1

 

6.แผนการตลาดในปีนี้ยังได้ปรับแผนกลยุทธ์ทางการตลาดที่ครอบคลุม 360 องศา ผ่าน 3 กลยุทธ์หลักได้แก่

  •  Product Innovation เน้นการรับฟังเสียงของผู้บริโภค โดยเฉพาะการเล่นกับกระแสโซเชียล (Social listening) เพื่อจับเทรนด์คนรุ่นใหม่ และเจาะกลุ่มGen  Z  เพื่อนำมาสู่การออกสินค้าที่มีนวัตกรรมเฉลี่ย 30-50 รายการต่อปี โดยใช้ระยะเวลา 3-6 เดือนในการออกสินค้าใหม่ต่อครั้ง
  • Brand Collaboration สร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดด้วยการออกสินค้าที่จับมือกับพันธมิตร (Collab) เช่น ทิวลี่xโอวัลติน โรลเลอร์ โคสเตอร์xบาร์บีคิว พลาซ่า  เป็นต้น
  • Trending Flavor เปิดตัวรสชาติที่อยู่ในกระแส และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เช่น ลูกอมลัช ชานม, ดิวเบอร์รี่ รสส้มยูสุ, ทิวลี่ จัมโบ้ รสนมฮอกไกโด, โรลเลอร์ โคสเตอร์ ขนมโตเกียว

7.พร้อมกันนี้ยังผลักดันกลยุทธ์ Music Communication สร้างความสนุกผ่านเสียงเพลงแบบครบวงจร อาทิ สื่อโทรทัศน์ สื่อดิจิทัล กิจกรรมออนกราวน์ สื่อ ณ จุดขาย และกิจกรรมส่งเสริมการขายอีกมากมาย นอกจากนี้ยังเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์เป็นครั้งแรก โดย “กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์” เป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ฟันโอ และ “นนน-กรภัทร์ เกิดพันธุ์” เป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ทิวลี่

8.นอกจากนี้เพื่อรุกตลาดสุขภาพในครึ่งปีหลังบริษัทยังเดินหน้าบุกตลาด Health & Wellness ด้วยการเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่นำเข้าจากต่างประเทศ ได้แก่ “เล็คซัส” (Lexus) และ “โอ๊ตครันชน์” (Oat Krunch) ชูจุดขาย Affordable premium บิสกิตที่ผลิตด้วยวัตถุดิบคุณภาพดีในราคาที่เอื้อมถึง เพื่อเจาะตลาดในเซกเมนต์ Cookie และ Cracker

 

Jack ’n Jill presenter

 

9.ขณะที่ตัวเลขผลประกอบการของยูอาร์ซี (ประเทศไทย) ปี 2565 เติบโตอยู่ที่ 10% และตั้งเป้ารายได้ปี 2566 โตไม่ต่ำกว่า 10-12% จากปีก่อน 

10.นอกจากนี้ยังวางเป้าหมายระยะยาวด้วยการเดินหน้าผลักดันสู่การเป็นองค์กร Great Place to Work ที่สะท้อนบรรยากาศการทำงานแบบ Fun Work Place ที่สะท้อนภาพองค์กรที่ให้ความสำคัญกับคน รวมถึงให้ความสำคัญกับ Work Life Balance เพื่อส่งเสริมให้พนักงานทำงานด้วยความสุข สนุกกับการทำงาน


แชร์ :