การจ่ายเงินด้วยการสแกนฝ่ามือของ Amazon ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกากำลังจะถูกนำมาใช้ในวงกว้างมากขึ้น หลังจากเปิดตัวเมื่อปี 2020 โดยมีรายงานว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตดัง Whole Foods กิจการที่ Amazon ซื้อมาด้วยมูลค่า 13,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อปี 2017 ตอนนี้ก็สามารถใช้บริการดังกล่าวได้แล้วกว่า 200 สาขา
ไม่ต้องพกบัตรเครดิต พก “มือ” แทน
สำหรับการเก็บข้อมูลฝ่ามือเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนนี้ ไม่ใช่การบันทึกภาพฝ่ามือของลูกค้าเฉย ๆ แต่เป็นการเก็บข้อมูลในเชิงโครงสร้าง และแปลงให้อยู่ในรูปแบบของรหัส โดยทางบริษัทเรียกข้อมูลชุดนี้ว่า Palm Signature และนำมาใช้ในการระบุตัวตนผู้ใช้งาน
เทคโนโลยีดังกล่าว Amazon พัฒนาและตั้งชื่อเซอร์วิสนี้ว่า Amazon One โดยเริ่มเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2020 ในร้านค้าปลีกของ Amazon เอง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Amazon Go ไปจนถึงสถานที่ของพาร์ทเนอร์ เช่น สนามกีฬา Bridgestone Arena, Climate Pledge Arena, Globe Life Field, Lumen Field, T-Mobile Park, NASCAR Raceway และ Texas A&M’s Kyle Field, ร้านค้าปลีก Hudson, CREWS และ OHM ในสนามบินของสหรัฐอเมริกา ฯลฯ
ซึ่งจนถึงวันนี้พบว่า บริการสแกนฝ่ามือของ Amazon One มีผู้ใช้งานแล้วกว่า 3 ล้านครั้ง
Whole Foods ก้าวใหญ่สำหรับ Amazon One
การนำมาปรับใช้กับ Whole Foods ถือเป็นความท้าทายไม่น้อยสำหรับ Amazon One เพราะสเกลความใหญ่ของ Whole Foods ในวันนี้คือการมีสาขากว่า 400 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน บริการจ่ายเงินด้วยการสแกนฝ่ามือนี้สามารถใช้งานได้แล้วกว่า 200 สาขา หรืออาจกล่าวได้ว่า เกินครึ่งของสาขาทั้งหมด
นอกจากใช้กับร้านของ Whole Foods แล้ว ก็มีร้านอีกไม่น้อยที่นำเทคโนโลยีการสแกนฝ่ามือนี้ไปใช้สร้าง Loyalty Program ของตนเองด้วย เช่น ร้าน Penera Bread ที่เพิ่งประกาศจับมือกับ Amazon One ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยลูกค้า Penera Bread สามารถนำฝ่ามือไปวางบนเครื่องสแกน เมื่อมันระบุตัวตนได้ ร้านก็จะเข้าใจได้มากขึ้นว่าลูกค้าชอบสินค้าแบบใด รวมถึงสามารถแนะนำสินค้าได้แบบ Personalized และเมื่อซื้อเสร็จแล้ว ก็สามารถให้ลูกค้าสแกนฝ่ามือเพื่อชำระเงินค่าสินค้าได้เลยทันที
ในด้านการชำระเงินด้วยการสแกนฝ่ามือผ่านระบบของ Amazon One นี้ พบว่ามีผู้ให้บริการอย่าง MasterCard, Visa และธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมด้วย