มีความเป็นไปได้ว่า ทัวร์คอนเสิร์ตของเทเลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ศิลปินหญิงคนดังแห่งยุคอาจเป็นตัวช่วยสำคัญในการปลุกเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและอีกหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกให้กลับมาคึกคักอีกครั้งก็เป็นได้ เพราะมีรายงานว่า การจัดทัวร์คอนเสิร์ต Eras ของเธอ ไม่เพียงจะทำให้ห้องพักโรงแรมต่าง ๆ ของเมืองที่มีการจัดคอนเสิร์ต “เต็ม” แล้ว แต่ชุมชนโดยรอบยังทำมาค้าขึ้นชนิดที่นักวิเคราะห์ทางการเงินต้องจับตามองแบบไม่กระพริบเลยทีเดียว
หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการจัดคอนเสิร์ต Eras Tour ของเธอในพิทส์เบิร์กเมื่อ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา โดย CNN ได้รายงานโดยอ้างอิงสื่อท้องถิ่นของเมืองอย่าง Pittsburgh Post-Gazette ว่า เธอสามารถดึงผู้คนให้เข้ามาที่เมืองได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า ห้องพักจำนวน 24,000 ห้องของโรงแรมในเมืองดังกล่าวถูกจองในราคาที่แพงกว่าระดับปกติ รวมถึงสภาพการจราจรที่มีรถราหนาแน่น ส่วนลานจอดรถ และร้านอาหารก็มีผู้ใช้บริการมากกว่าปกติเช่นกัน
ไม่เฉพาะโรงแรม ร้านอาหารที่ได้รับอานิสงส์จาก Eras Tour แต่ร้านรวงที่ขายสินค้าแฟชั่นก็พบว่าขายดีเช่นกัน เพราะแฟน ๆ ที่มาชมคอนเสิร์ตต่างซื้อสินค้าที่เกี่ยวกับ Taylor Swift เพื่อนำไปประดับร่างกายและถ่ายรูปโชว์ลงโซเชียลมีเดีย
คอนเสิร์ต Eras สร้างเม็ดเงิน 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
Dan Fleetwood ประธานบริษัท QuestionPro Research and Insights คาดการณ์ว่า เฉพาะคอนเสิร์ต Eras Tour นั้นก็คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้วถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 176,100 ล้านบาท พร้อมบอกว่าสิ่งที่ทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงมากนั้น เนื่องจากบรรดาแฟนคลับไม่ได้ไปเมืองดังกล่าวเพียงเพื่อชมคอนเสิร์ตของศิลปินดัง แต่การที่พวกเขาขับรถไปก็ต้องหาที่จอด หาที่พัก และหาที่รับประทานอาหาร เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดการไหลเวียนของเงินในเมืองต่าง ๆ ได้ทั้งสิ้น
ขณะที่ทัวร์คอนเสิร์ตของเธอในต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ก็มีการคาดการณ์ว่า สามารถทำรายได้ให้กับเธอประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐต่อครั้ง (หลังหักค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ฯลฯ แล้ว)
ขึ้นแท่นศิลปินหญิงที่ร่ำรวยที่สุด
ทั้งนี้ ความสำเร็จของเธอทำให้ Forbes ใส่ชื่อเธอไว้ในทำเนียบเซเลบริตี้ที่ได้รับค่าตอบแทนสูงที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในนักร้องหญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วย โดยคาดว่าเธอมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 740 ล้านเหรียญสหรัฐ (ที่มาของรายได้ หลัก ๆ มาจากการขายเพลง จัดทัวร์คอนเสิร์ต และขายสินค้า แต่ใน 3 หัวข้อนี้ การจัดทัวร์คอนเสิร์ตทำรายได้ให้เธอสูงสุด)
จากความร่ำรวยดังกล่าว Forbes ยังระบุด้วยว่า Taylor Swift มีอสังหาริมทรัพย์ในมือมากมาย เช่น คอนโดมิเนียมขนาด 3,240 ตารางฟุต มูลค่า 3 ล้านเหรียญสหรัฐในแนชวิลล์ แมนชั่นในเบเวอรี่ฮิลล์ขนาด 10,982 ตารางฟุต มูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯลฯ
แต่ความร่ำรวยของเธอยังไม่จบ เพราะ Taylor Swift ได้เพิ่มเมืองที่จะไปจัดคอนเสิร์ตแล้วอีก 8 แห่ง ได้แก่ แคนซัสซิตี้ รัฐมิสซูรี, เดนเวอร์ รัฐโคโลราโด, ซีแอทเทิล รัฐวอชิงตัน, ซานตาคลารา และลอสแองเจลลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งการเพิ่มเมืองต่าง ๆ เหล่านี้อาจเป็นเครื่องยืนยันว่า อำนาจการใช้จ่ายของมะกันชนไม่ได้หดหายไปไหน เพียงแต่พวกเขาเลือกที่จะใช้เงินสนองความต้องการอย่างไรมากกว่า
ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ Taylor Swift
สำหรับประเทศไทย ต้องยอมรับว่า เป็นประเทศที่มีความเกี่ยวข้องกับ Taylor Swift พอสมควร โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ Taylor Swift เคยยกเลิกการจัดคอนเสิร์ต เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2014 ซึ่งไทยมีรัฐประหารและทำให้ผู้จัดคอนเสิร์ต TAYLOR SWIFT THE RED TOUR เกิดความไม่มั่นใจและยกเลิกคอนเสิร์ตดังกล่าวไปในที่สุด ซึ่งไม่แน่ว่า หากคอนเสิร์ตของ Taylor Swift ได้หวนกลับมาจัดที่ประเทศไทยอีกครั้ง ปรากฏการณ์ Taylor Swift Economy ที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับเศรษฐกิจอเมริกา ก็อาจเกิดขึ้นในประเทศไทยด้วยก็เป็นได้