การเริ่มต้นสร้างธุรกิจอาจเป็นสิ่งที่ยาก แต่การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้นยากยิ่งกว่า ที่สำคัญกว่านั้นหากต้องการจะรักษาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืนได้น่าจะเป็นสิ่งที่ยากมากที่สุด
โดยเฉพาะในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งตลาด ผู้บริโภค และคู่แข่ง ล้วนแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ขณะที่ความคาดหวังต่อผู้ประกอบการอาจมีมากกว่าแค่การได้รับสินค้า หรือบริการที่เป็นเอกลักษณ์และช่วยเติมเต็มความต้องการของตัวเอง แต่อาจต้องมองลึกไปถึงคุณค่าของแต่ละธุรกิจว่า นอกจากสามารถตอบโจทย์ในเชิงธุรกิจได้แล้ว ยังสามารถสร้างคุณค่าหรือช่วยแก้ปัญหาอะไรให้แก่ผู้คน สังคม และโลกใบนี้ได้บ้างหรือไม่
หนุนสตาร์ทอัพไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
สอดคล้องกับแนวคิดในการดำเนินโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD 2023 ซึ่งเป็นหลักสูตรพัฒนาศักยภาพสตาร์ทอัพ ส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ธนาคารกสิกรไทยได้ร่วมพัฒนาขึ้น โดยจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “Unleash Your Entrepreneurial Spirit for Sustainable Success” เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำมุมมองเรื่องของความยั่งยืนมาออกแบบเป็นโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ แปลกใหม่ และสามารถแก้ Pain point ให้กลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกันยังสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งต่อโลกและผู้คนในสังคมไปได้พร้อมกัน
คุณขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจที่สามารถเปลี่ยนผ่านหรือสร้างโมเดลให้สอดรับกับทิศทางของความยั่งยืนได้ จะมีโอกาสเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เพราะเป็นเรื่องที่ทุกคนในปัจจุบันกำลังให้ความสนใจ โดยธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเติบโตของสตาร์ทอัพไทยอย่างครบวงจร ทั้งการสนับสนุนเงินทุนและองค์ความรู้ เพื่อให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาทางเทคโนโลยี รวมทั้งมี Mindset ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนตามกรอบ ESG ผ่านการสร้างความสมดุลทั้งเรื่องของสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
โครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD 2023 ถ่ายทอดสูตรสำเร็จของสตาร์ทอัพระดับโลกผ่านการสนับสนุนเนื้อหาจากโครงการวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด นำโดยรองศาสตราจารย์ Charles (Chuck) Eesley พร้อมจับมือพันธมิตรด้านต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับคำปรึกษาและคำแนะนำโดยเมนเทอร์ชั้นนำจากหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรจาก Silicon Valley ผู้บริหารจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ผู้แทนจาก Amazon Web Services (AWS) รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจาก กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) และบีคอน วีซี (Beacon VC) มาร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ เพื่อผลักดันให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้ดึงศักยภาพของตัวเองและทีมออกมาได้อย่างเต็มที่
“ผู้เข้าร่วมโครงการต้องเป็นสตาร์ทอัพที่เริ่มทำธุรกิจแล้ว เพื่อเข้าร่วมหลักสูตรบ่มเพาะอย่างเข้มข้นในระยะเวลา 9 สัปดาห์ โดยจะได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริงทุกขั้นตอน จากผู้เชี่ยวชาญรวมถึงเทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี ดีไซน์ และธุรกิจ เพื่อสร้างผู้ประกอบการที่มีประสิทธิภาพ โดยใน 3 ปีที่ผ่านมามีสตาร์ทอัพไทยจบหลักสูตรทั้งสิ้นกว่า 100 ทีม และมีหลายทีมที่นำองค์ความรู้ที่ได้ในโครงการไปต่อยอดกับธุรกิจจนประสบความสำเร็จ ซึ่งในปีนี้ ธนาคารมุ่งเน้นส่งเสริม Tech Startup ที่มีผลิตภัณฑ์หรือต้นแบบ (Prototype) ที่พร้อมแล้ว ในกลุ่มอุตสาหกรรมการเงิน (FinTech) สิ่งแวดล้อม (ESG และ Green Technology) ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence และ Machine Learning) เทคโนโลยีด้านสุขภาพ (HealthTech) และโซลูชั่นสำหรับองค์กร (Enterprise Solution) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ของธนาคารในการพัฒนาสตาร์ทอัพไทยเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมสร้างความยั่งยืนให้แก่สังคมและประเทศ”
นอกจากนี้ ในสัปดาห์สุดท้ายของการอบรม ทีมสตาร์ทอัพที่มีผลงานโดดเด่นผ่านเกณฑ์ของหลักสูตร จะมีโอกาสได้นำเสนอผลงานกับคณะกรรมการ โดยผู้ชนะ 3 อันดับแรก จะมีโอกาสได้รับเงินรางวัล และสิทธิประโยชน์จากการสนับสนุนเครื่องมือทางด้านธุรกิจ มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท รวมทั้งประกาศนียบัตรจาก KATALYST by KBank และประกาศนียบัตรสำเร็จหลักสูตรการเรียนรู้แบบออนไลน์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งเป็นใบเบิกทางและโอกาสสำคัญในการขยายเครือข่ายทางธุรกิจกับบริษัทชั้นนำมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย รวมทั้งโอกาสในการร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารกสิกรไทยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัลอีกด้วย
“Joy Ride – LEET Intelligence” ศิษย์เก่าร่วมแชร์ประสบการณ์
ตลอดทั้ง 3 ปีที่ผ่านมา โครงการมีส่วนร่วมบ่มเพาะและผลักดันให้ผู้ประกอบการมีแนวคิด องค์ความรู้ พร้อมช่วยต่อยอดเครือข่ายเพื่อสนับสนุนการสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน เพื่อสามารถส่งมอบคุณค่าจากธุรกิจไปยังผู้คนและสังคม เช่นเดียวกับ 2 ธุรกิจต่อไปนี้ ที่เชื่อได้ว่าหากธุรกิจยิ่งแข็งแรงเติบโตมากขึ้น ก็จะยิ่งช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับผู้คนและโลกใบนี้ได้มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
รายแรกคือ “Joy Ride ลูกรับจ้าง หลานจำเป็น” แพลตฟอร์ม Elderly Care ที่อาสาพาผู้สูงอายุไปหาหมอหรือทำธุรกรรมต่างๆ แทนลูกหลานที่ไม่สามารถพาผู้ใหญ่ที่บ้านไปได้ ซึ่งเป็นบริการที่ตอบโจทย์ทั้งเทรนด์เข้าสู่สังคมสูงวัยของประเทศ ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กลุ่มคนที่มีความพร้อมที่ในการเข้ามาเป็นผู้ให้บริการในแพลตฟอร์ม เพื่อสามารถดูแลผู้สูงอายุได้ทั่วถึงมากขึ้น รวมทั้งสามารถขยายบริการที่เริ่มจากการพาผู้สูงอายุไปหาหมอ ไปสู่การทำธุรกรรมหรือกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปไหว้พระ ทำบุญ ท่องเที่ยว หรือช่วยจับจ่ายซื้อของ ได้แบบ On Demand พร้อมทั้งขยายกลุ่มเป้าหมายจากผู้สูงอายุไปสู่ผู้ป่วย หรือหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่สามารถขับรถไปพยาบาลเองได้ ซึ่งบริการ Joy Ride จะทำหน้าที่เป็นเหมือนสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว พร้อมทั้งช่วยเติมเต็มความสุขให้ผู้สูงอายุเหมือนมีลูกหลานคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
คุณณัฐกาญจน์ เด่นวณิชชากร ผู้ก่อตั้ง Joy Ride กล่าวถึงการได้เป็นส่วนหนึ่งของ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD ว่า การเข้าร่วมโครงการช่วยเพิ่มมุมมองและทักษะที่เป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจ ทั้งความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งกลยุทธ์ทำตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ มองเห็นโอกาสจากตลาด การเรียนรู้ทักษะและเทคโนโลยีต่างๆ ที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีความเข้าใจ เพื่อเพิ่มมุมมองในเชิงธุรกิจให้กว้างขึ้น ขณะเดียวกันยังได้โอกาสในการขยายเครือข่ายจากกลุ่มผู้ประกอบการด้วยกัน รวมทั้งสามารถนำเสนอแผนธุรกิจสำหรับการระดมทุนได้ดีมากขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตได้ในอนาคต
“โปรแกรม KATALYST STARTUP LAUNCHPAD ช่วยสร้างรากฐานและทักษะในการเป็นผู้ประกอบการที่แข็งแรง พร้อมสำหรับการต่อยอดไปสู่ความสำเร็จบทใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการฝึกให้มีวิธีคิดอย่างเป็นระบบ และมีความเฉียบคมมากขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยฝึกความมีวินัย การเรียนรู้ทั้งความเป็นผู้นำและการทำงานร่วมกันจากงานที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งตลอดทั้งหลักสูตรจะช่วยเพิ่มทักษะที่หลากหลายและจำเป็นในโลกธุรกิจ โดยเฉพาะคำแนะนำจากอาจารย์และ Mentor ในแต่ละหัวข้อ ที่มีคุณค่าอย่างมากและสามารถนำไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจได้จริง แม้สุดท้ายแล้วธุรกิจอาจจะไม่ได้รางวัล แต่สิ่งที่ได้รับจากโครงการก็ถือว่ามีมูลค่าอย่างมากเช่นกัน”
อีกหนึ่งธุรกิจคือ LEET Intelligence กับการพัฒนาโซลูชัน LEET Carbon ที่นำความล้ำหน้าจากเทคโนโลยีอวกาศ มาช่วยต่อยอดในเชิงการวิเคราะห์ข้อมูลในแต่ละพื้นที่ เพื่อเป็นประโยชน์ในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ หรือขับเคลื่อนและบริหารจัดการแต่ละพื้นที่ให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างมีบูรณาการ ผ่านการให้บริการของบริษัทใน 4 รูปแบบ ได้แก่ 1.Data as a Service (DaaS) การให้บริการข้อมูลจากการประมวลผลภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อวิเคราะห์เชิงพื้นที่ และข้อมูลต่างๆ เพื่อสนับสนุนโครงการเกี่ยวกับการพัฒนาคาร์บอนเครดิต รวมถึงโครงการพัฒนาด้านอื่นๆ 2.Monitoring as service (MaaS) การให้บริการติดตามเฝ้าระวังโครงการเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิต หรือทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ เพื่อบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ 3.Carbon marketplace (CMP) การให้บริการด้านตลาดคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูง และ 4.Nature Networking (NN) for Public Engagement การให้บริการแอปพลิเคชันเครือข่ายอนุรักษ์ธรรมชาติ และประชาสังคม เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืน
Dr.Manjunatha Venkatappa ผู้ก่อตั้ง LEET Intelligence กล่าวว่า การเข้าร่วมโครงการทำให้มีโอกาสเรียนรู้สิ่งต่างๆที่จำเป็นต่อการเป็นผู้ประกอบการโดยเฉพาะ ทั้งการจัดทำโมเดลทางธุรกิจ การนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด การทำตลาด โดยเฉพาะที่ปรึกษาและวิทยากรทุกท่านล้วนมีความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอย่างแท้จริง ทำให้ได้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ตลอดการอบรมทั้งโปรแกรม ซึ่งได้นำมาปรับใช้จริงในหลายสถานการณ์ รวมทั้งช่วยเพิ่มโอกาสดีๆ ให้ธุรกิจได้พบกับนักลงทุนและพาร์ทเนอร์หลายราย
“KATALYST STARTUP LAUNCHPAD เป็นโปรแกรมที่ดีมากๆ สำหรับผู้ประกอบการใหม่ เพื่อการเข้ามาเรียนรู้และเตรียมตัวก่อนนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่อนักลงทุน รวมทั้งช่วยบ่มเพาะ Mindset ของการเป็นผู้ประกอบการและเจ้าของกิจการที่สามารถนำไปปรับใช้ในการทำธุรกิจ เพื่อเติบโตได้ทั้งในระดับประเทศและระดับโลกในอนาคต จากประสบการณ์ในการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับสากลโดยตรง โดยเฉพาะทุกแบบฝึกหัดที่ล้วนมีประโยชน์ และสามารถนำไปปรับปรุงเพื่อใช้ในธุรกิจได้จริง รวมทั้งอาจมีโอกาสคว้ารางวัลจากโครงการเพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังใจในการขับเคลื่อนธุรกิจอีกด้วย”
เสียงการันตีจากประสบการณ์ตรงของ 2 ธุรกิจคุณภาพในฐานะ KATALYST’s Alumni ที่สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปวางกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตตามแนวทางของความยั่งยืน โดยผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดหลักสูตร คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ และสมัครได้ทางเว็บไซต์ของ KATALYST ที่ https://launchpad.klandingservice.com/ หรือติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการทางเฟซบุ๊กที่ https://www.facebook.com/KATALYSTbyKBank โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2566 และเริ่มเรียนตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน ถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2566