ผลจากการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งหลักสูตร MBA Chula (Master of Business Administration) ระบบการเรียนการสอน บุคลากร นิสิต การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทันสมัยและนวัตกรรม ตลอดจนการวิจัยต่างๆ ทำให้คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก้าวล้ำไปอีกขั้น โดยไม่เพียงครองอันดับหนึ่ง MBA ในประเทศไทยเท่านั้น ยังคว้าสถานะคุณภาพ 3 มงกุฎ หรือ Triple Crown Accreditation ตอกย้ำศักยภาพและมาตรฐานสร้างผู้นำธุรกิจในโลกยุคใหม่
ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ CBS (Chulalongkorn Business School) เปิดเผยว่า การได้รับการรับรองเป็นสถาบันการศึกษาบริหารธุรกิจอันดับหนึ่งในประเทศไทย โดย the QS World University Rankings 2023 แล้ว ปีนี้ CBS ยังมีสถานะคุณภาพระดับ 3 มงกุฎ หรือ Triple Crown Accreditation จาก 3 สถาบันหลักด้านการบริหารธุรกิจของโลกคือ AACSB (Association to Advance Collegiate Schools of Business) จากสหรัฐอเมริกา EQUIS (EFMD Quality Improvement System) จากสหภาพยุโรป และล่าสุด AMBA (Association of MBAs) จากสหราชอาณาจักร นั้น สะท้อนถึงความสำเร็จครั้งสำคัญ เพราะทั่วโลกมีสถาบันอุดมศึกษาด้านบริหารธุรกิจที่ได้รับ Triple Crown Accreditation 108 สถาบัน จากกว่า 20,000 แห่ง
“นับเป็นครั้งแรกของสถาบันอุดมศึกษาไทยที่มีการเรียนการสอนทางด้านบริหารธุรกิจที่ได้รับการรับรองคุณภาพ และเป็นอันดับหนึ่งควบคู่กัน ซึ่งการก้าวเข้าไปอยู่ในเครือข่าย 100 สุดยอดสถาบันการศึกษาด้านการบริหารธุรกิจของโลก ภายใต้การรับรองสถานะ 3 มงกุฎ นี้ จะทำให้ CBS สามารถขยายพันธมิตรกับสถาบันเหล่านี้ได้มากยิ่งขึ้น ทั้งความร่วมมือด้านวิชาการ การวิจัย รวมไปถึงโครงการแลกเปลี่ยนนิสิต เพื่อยกระดับมาตรฐานการเรียนการสอนด้านบริหารธุรกิจในอนาคต” คณบดีกล่าว
ด้าน รศ. ดร. ณัฐพล อัสสะรัตน์ ประธานหลักสูตรธุรกิจมหาบัณฑิต คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า MBA Chula ก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ได้ปฏิรูปหลักสูตร เพื่อสร้างผู้นำธุรกิจให้มีความรู้ความสามารถรับมือกับภูมิทัศน์ทางธุรกิจ (Business Landscape) ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับการมีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ (Philanthropic Spirit)
MBA Chula ได้พัฒนาหลักสูตร ทั้งในด้านเนื้อหาวิชา กลยุทธ์ และวิธีการเรียนการสอน โดยมุ่งเน้นสร้างผู้นำธุรกิจที่มีความรู้เชิงนวัตกรรมและความเข้าใจในระดับสากล รวมถึงแนวคิดจริยธรรมธุรกิจและการใส่ใจคู่ค้าที่จะส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อสังคมไทย
นับเป็นการคิดใหม่จากการริเริ่มไอเดียว่า บทบาทของ MBA Chula จะไม่ได้สอนแค่ทฤษฎี theories จากตำราแล้ว แต่ต้องการพัฒนาผู้นำที่มีทักษะครบถ้วน ทั้ง Hard Skills และ Soft Skills โดยหลักสูตร MBA จะประกอบด้วย 3 คุณค่าหลัก ได้แก่ Global Wisdom with Local Insights, Hands-on Experience, และ Lead Business with Kindness ซึ่งสะท้อนผ่านปรัชญาแห่งการเรียนรู้ใน 5 มิติ คือ Critical Thinking, Creativity, Collaboration, Communication, and Care
รศ. ดร. ณัฐพล กล่าวว่า MBA Chula ได้ปรับวิชาเรียนให้เป็นระบบโมดูล เพื่อให้การออกแบบหลักสูตรมีความยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ รวมถึงทักษะด้าน Soft Skills นอกจากนี้ ยังได้เปลี่ยนวิธีการส่งมอบความรู้ เช่น การเรียนรู้จากการทำกรณีศึกษาและประสบการณ์ (Case-based and Experiential Learning) เปลี่ยนจากการทำ Case ในห้องเรียน เป็นการทำ Real Case จากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลและแก้ปัญหาของธุรกิจจริง รูปแบบการศึกษาดูงานต่างประเทศที่เข้าถึงรูปแบบการดำเนินธุรกิจในประเทศนั้นมากขึ้น และการขยายพันธมิตรทั้งภาคการศึกษาและภาคธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น
ทั้งนี้ MBA Chula คาดหวังว่า ผู้ที่จบจากหลักสูตรฯ จะสามารถประยุกต์ใช้ความรู้และแนวคิดกับสถานการณ์จริงทางธุรกิจ วิเคราะห์ วางแผน และประเมินผลลัพธ์ทางธุรกิจ มีความเข้าใจและยึดมั่นในจริยธรรม มีทักษะในการสื่อสาร และทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มได้ดี
“นอกจากการพัฒนาหลักสูตรแล้ว MBA Chula ยังได้ริเริ่มโครงการ Life-Long learning การเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเปิดโอกาสให้ศิษย์เก่า MBA Chula สามารถกลับมาเลือกเรียนในวิชาเลือกพร้อมกับนิสิตรุ่นน้องได้ ซึ่งจะทำให้ศิษย์เก่าสามารถเพิ่มพูนความรู้ได้อย่างต่อเนื่อง” ประธานหลักสูตร MBA Chula กล่าวปิดท้าย เป็นการตอกย้ำถึงการเป็น The Top Business School with Triple Crown Accreditation ของคณะบัญชี จุฬาฯ