HomeBrand Move !!“ดิสนีย์-มาร์เวล” คือต้นแบบ กลยุทธ์ “บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ” จากเจ้าพ่อคอนเทนต์ สู่ผู้ท้าชิงตลาดฟังก์ชันนอลดริงก์น้องใหม่ “เป็นต่อ”

“ดิสนีย์-มาร์เวล” คือต้นแบบ กลยุทธ์ “บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ” จากเจ้าพ่อคอนเทนต์ สู่ผู้ท้าชิงตลาดฟังก์ชันนอลดริงก์น้องใหม่ “เป็นต่อ”

แชร์ :

Pentor drink

จากเจ้าพ่อคอนเทนต์ สู่ ผู้ท้าชิงตลาดฟังก์ชั่นนอลดริงก์เมืองไทย เปิดกลยุทธ์ “บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ” กับการต่อยอดซิทคอมเบอร์ 1 ของค่าย “เป็นต่อ” ฟังก์ชันนอลดริงก์น้องใหม่ ที่มียักษ์ระดับโลก “ดิสนีย์-มาเวล” เป็นต้นแบบ

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

เป็นที่รู้กันดีว่ายักษ์ระดับโลกอย่าง “ดิสนีย์-มาร์เวล” ประสบผลสำเร็จในการต่อยอดธุรกิจคอนเทนต์ไปยังสินค้าที่ระลึก ทั้งของเล่น อาหาร เครื่องดื่ม แฟชั่น จนประสบผลสำเร็จมากมายจนกลายมาเป็นโมเดลต้นแบบให้เหล่าผู้ผลิตคอนเทนต์ในหลายประเทศให้ศึกษาและต่อยอดเชิงธุรกิจ ในส่วนของประเทศไทย  “เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์” หรือ ONEE คืออีกหนึ่งยักษ์คอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง มีรายการในเครือมากมาย ทั้งซิทคอม ละครเวที ละคร ไอดอล ฯลฯ มี “คุณบอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ” นั่งหัวเรือใหญ่ดูแลทั้งหมด 

ท่ามกลางการแข่งขันของโลกคอนเทนต์ที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บวกกับการทำธุรกิจเพียงด้านเดียวอาจจะไม่ครอบคลุมในทุกกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ “คุณบอย” มีแนวคิดในการต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นมา โดยเริ่มจากการใช้จุดแข็งที่มีในมืออย่าง “คอนเทนต์” เป็นคีย์หลัก  ล่าสุดได้ก่อตั้งบริษัท เป็น 1 เอฟแอนด์บี จำกัด กิจการร่วมการค้าของเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ – แมสคอทโปรดักชั่น และ เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ ขึ้นมาเพื่อดำเนินธุรกิจนี้โดยเฉพาะ โดยมี “เป็นต่อ ดริงก์” เป็นฟังก์ชันนอลดริงก์น้องใหม่ที่เปิดตัวมาทำตลาดเป็นสินค้ารายการแรก

 

“เราศึกษาคอนเทนต์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะยักษ์ระดับโลกอย่างดิสนีย์ มาร์เวล จะมีการต่อยอดสินค้าจากคอนเทนต์และสร้างความสำเร็จมหาศาล ซึ่งเป็นแม่แบบในการต่อยอดธุรกิจคอนเทนต์จากไปยังธุรกิจอื่น และเรามองว่าประสบผลสำเร็จเป็นหลักการเดียวกันทั่วโลก” คุณบอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ พูดถึงที่มาของการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ในครั้งนี้

 

Boy Takonkiet Viravan

 

“เป็นต่อ ดริงก์” จึงเกิดขึ้นจากพัฒนาต่อยอดใน 3 กลยุทธ์หลักที่ทางค่ายเดินหน้ามาตลอดอยู่แล้ว อย่าง Content, Idol Marketing , showbiz มายัง Merchandise ด้วยการต่อยอดคอนเทนต์ที่มีอยู่  สู่การพัฒนาไปยัง Product + Marketing  หรือการผลิตสินค้าที่เกี่ยวเนื่องจากในการขยายตลาด

 

จากซิทคอมที่ครองใจคนไทยกว่า 19 ปี “เป็นต่อ”สู่ “เป็นต่อ ดริงก์” ฟังก์ชันนอลดริงก์แรกที่ต่อยอดจากคอนเทนต์

โดยครั้งนี้  “คุณบอย” ได้เลือกหยิบยกเอาซิทคอมเป็นต่อมาต่อยอดเป็นครั้งแรก  เพราะถือเป็นซิทคอมเบอร์ต้นของทางค่ายที่เป็นที่รู้จัก เป็นคอนเทนต์ที่ออกอากาศมานานกว่า 19 ปี มีฐานแฟนเพจมากกว่า 2.5 ล้านคน มีเรตติ้งเฉลี่ย 0.8-0.9 หรือเฉลี่ย 800,00 คนต่อตอนอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมียอดผู้ชมที่เข้ามาดูย้อนหลังจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง

“พอพูดถึงเป็นต่อ ผู้ชมนึกถึง ความสนุกสนาน ปาร์ตี้ คนทำงานออฟฟิต มีความ Work Hard Play Harder โดยเรามีการทำโฟกัสกรุ๊ป ผ่านแต่ละฉาก เช่น ฉากออฟฟิศ บาร์  มินิมาร์ท ฯลฯ ว่านึกถึงอะไร โดยลูกค้า 99% ตอบว่าสื่อถึงเครื่องดื่มแก้แฮงค์ หรือวิตามิน ตอบโจทย์ผู้บริโภคในสิ่งที่ต้องการ”

จึงเป็นที่มาของการเปิดตัวจึงทำให้เราคิดค้นสินค้าอย่าง “เป็นต่อ ดริงก์” เป็นรายการแรกโดยทั้งขึ้นตอนใช้เวลาคิดค้นมากว่า 1 ปี” โดยมีตัวละครเอกอย่าง “ชาคริต แย้มนาม” กับบทบาทตัวละครชื่อ “เป็นต่อ” ที่คุ้นตามาเป็นพรีเซนเตอร์ในการสื่อสารแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก

 

แม้จะมีที่มาจากผลการสำรวจโดยอ้างอิงจากตัวเลขชัดเจนถึงความนิยม แต่ “คุณบอย” ยังบอกว่า “นอกจากจุดแข็งของคอนเทนต์แล้ว ชื่อ “เป็นต่อ ดริงก์” ยังถูกเลือกจากฮวงจุ้ยเลย คือชื่อ “เป็นต่อ” ที่นับว่ามีความหมายที่ดีมากๆ สะท้อนถึงความได้เปรียบหรือภาษีที่ดีกว่า (จากความหมาย) เมื่อจะเข้าไปลงแข่งในสนามฟังก์ชั่นนอลดริงก์ที่มีเล่นอยู่จำนวนมาก ขณะเดียวกันเมื่อผสานกับจุดแข็งของโปรดักต์เชื่อว่าจะทำให้ยอดขายประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก” 

 

โดยวางเป้าหมายว่าจะขายให้ได้ 15 ล้านขวดภายในไตรมาส 3-4 และพร้อมครองส่วนแบ่งทางการตลาด 20% ในตลาดรวมภายใน 3 ปี จากปัจจุบันที่ตลาดฟังก์ชันนอลดริงก์เมืองไทยมีมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 3% ในทุกปี

 

 Pen Tor

 

Product+Marketing  กลยุทธ์พา “เป็นต่อ ดริงก์” บุกตลาดไทย-เทศ

อีกหนึ่งจุดแข็งของ “เป็นต่อ ดริงก์” คือแนวคิดการทำตลาดที่ต้องเริ่ม เริ่มจากสินค้าต้องดี หากเป็นน้ำดื่มต้องอร่อย โดยมีการคิดสูตรกลับไปกลับมาหลายรอบกว่าจะคลอดเป็นสินค้ารายการแรกนี้ออกมาใน 3 รสชาติที่ตอบโจทย์ความสดชื่นที่หลากหลาย  ได้แก่ เป็นต่อ ดริงก์ รี-เฟรซ (สีเหลือง) ราคา 19 บาท เป็นต่อ ดริงก์ รี-ชาร์จ (สีแดง) ราคา 19 บาท และ ต่อ ดริงก์ รี-บูส (สีม่วง) ราคา 25 บาท

ที่น่าสังเกตคือการกำหนดราคาขายที่ 25 บาทของสีม่วง ซึ่งแพงกว่าทั้ง 2 รสชาติ 6 บาทนั้น “คุณบอย” บอกว่ามีการคิดค้นกลยุทธ์เรื่องราคามาสักระยะ ในตลาดทั่วไปวางจำหน่ายราคา 15-16 บาท ต้องการความต่างจึงมีการคิดสูตร สร้างความชัดเจนในการวางโพซิชันแบรนด์​ เน้นในตลาดพรีเมี่ยมแมส ที่มีทั้งสูตรทั่วไป และสูตรที่เป็นวัตถุดิบนำเข้าทั้งหมด จึงเลือกวางจำหน่ายในระดับ 2 ราคา เพื่อสร้างความแตกต่าง โดยในช่วง 3-6 เดือนแรกจะเป็นการวางจำหน่ายในช่องทาง 7-Eleven ก่อนจะขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่อไป

ขณะที่ อีกหนึ่งพันธมิตร (ผู้ผลิตและจำหน่าย) อย่าง “คุณสมชาย อัศวปิยานนท์” กรรมการผู้อำนวยการบริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวว่า เราอยู่ในธุรกิจอาหารมากว่า 20 ปี เติบโตมาจากแซนด์วิชอบร้อน และมองการเติบโตของธุรกิจอาหารในทุกมิติ  โดยการร่วมมือครั้งนี้เริ่มต้นจากธุรกิจเครื่องดื่มเป็นหลัก เนื่องจากมูลค่าการตลาดเป็นไปค่อนข้างสูง ประกอบเป็นต่อเป็นซิทคอมที่อยู่มาอย่างยาวนาน ภาพลักษณ์ชัดเจน จึงทำให้สามารถขยายตลาดไปยังสินค้าอื่นๆ ได้ง่ายด้วย

 

 Pen Tor3

 

“ที่ผ่านมาการก่อตั้งสินค้าใหม่เองใช้เวลาและสื่อ งบจำนวนมาก การเข้ามาร่วมทุนกันจึงง่ายต่อการต่อยอดสินค้าใหม่ในการเติบโต มีการหาสินค้าอื่นๆให้บริษัทเป็น1 ในการต่อยอด คาดหวังว่าจะยั่งยืน”

ท้ายที่สุด “คุณบอย” บอกอีกว่า ความท้าทายคืออีกธุรกิจที่ก้าวเข้ามา เราก็ต้องดูให้รอบคอบดีๆ โชคดีและมีความมั่นใจ เพราะมีมืออาชีพมาร่วมด้วย เราไม่ได้กดดัน เรามีวิชั่นอยู่ ถ้าทำได้ดี ทำ ถ้าต่อยอดได้ทำ ถ้ามีศักยภาพ มีฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่ง กลุ่มลูกค้ากับสินค้าแมทช์กันก็สามารถเติบโตได้ 

 

อ่านเพิ่มเติม

เส้นทาง 30 ปี ‘บอย ถกลเกียรติ’ จากวันที่ทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตปั้น ‘ช่องวัน’ สู่ ONEE บริษัทบันเทิงมหาชน

 


แชร์ :

You may also like