บาร์บี้ (Barbie) อาจเป็นชื่อที่ทุกคนแค่หลับตาก็จะมีภาพปรากฏขึ้นในหัว ไม่ว่าจะเป็นผมสีบลอนด์ที่มีเอกลักษณ์ของตัวบาร์บี้เอง หรือการมองโลกในแง่ดีต่อปัญหาต่าง ๆ รวมถึง “สีชมพูหลากเฉด” ชนิดที่ทำให้ผู้ชายบางคนขออนุญาตโบกมือลา
ซึ่งเมื่อมันถูกทรานสฟอร์มให้เป็นภาพยนตร์และเข้าฉายเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ก็มีประเด็นที่น่าจับตาว่า บาร์บี้กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการก้าวข้ามขีดจำกัดด้านรายได้ได้สำเร็จ หลังมีตัวเลขยืนยันว่า บาร์บี้ สามารถทำรายได้ทะลุ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเวลาเพียงแค่ 3 สัปดาห์หลังจากเข้าฉายได้
ความสำเร็จของบาร์บี้ยังทำให้ Greta Gerwig กลายเป็น “ผู้กำกับหญิงคนแรก” ที่ทำเงินจากภาพยนตร์ได้ในระดับนี้ แถมยังมี Paul Dergarabedian นักวิเคราะห์อาวุโสจาก ComScore ออกมาช่วยสนับสนุนว่า ในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ มีเพียง 50 เรื่องที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ และทำรายได้ทะลุ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และบาร์บี้ก็เป็นหนึ่งในรายชื่อเหล่านั้น
อะไรคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบาร์บี้
ภาพความทรงจำในวัยเด็ก
ความสำเร็จของบาร์บี้ ภาพยนตร์จาก Warner Bros. อาจเริ่มต้นจากการมีภาพของตุ๊กตาในความทรงจำเมื่อวัยเด็ก แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่า มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบตุ๊กตาบาร์บี้ แต่ก็ถือเป็นภาพที่ติดตาตรึงใจเด็กในยุคนั้น มาจนถึงยุคนี้กันพอสมควร
แคมเปญโปรโมตภาพยนตร์
ทีมการตลาดเลือกใช้คำว่า Bargenheimer ซึ่งล้อไปกับภาพยนตร์อีกเรื่องอย่าง Oppenheimer ที่เข้าฉายในเวลาไล่เลี่ยกัน เป็นแคมเปญในการโปรโมต ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า ทำให้หนังทั้งสองเรื่องจับมือรับความสำเร็จพร้อมกันทั่วโลก แต่หากพิจารณาจากประเทศแล้วจะพบว่า บาร์บี้ทำรายได้อย่างงดงามในอังกฤษ เม็กซิโก และออสเตรเลีย (อ้างอิงจาก Mojo) ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้าฉายแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความสามารถของตัวภาพยนตร์เองด้วย
จับใจทั้งเด็ก – ผู้ใหญ่
เนื้อหาของบาร์บี้ เป็นเนื้อหาที่เด็กดูสนุก แต่ถ้าผู้ใหญ่ดูก็อาจจะยิ่งแปลความหมายที่ผู้กำกับซ่อนอยู่ได้ลึกซึ้งกว่า สะท้อนได้จากเนื้อหาที่ถูกสร้างมาอย่างเข้าใจว่าโลกนี้ไม่ได้มีแต่คนที่รักบาร์บี้ทั้งหมด และพวกเขาก็เลือกจิกกัดตัวเองได้อย่างน่ารักต่อประเด็นเหล่านี้ และใช้ตัวหนังสะท้อนเรื่องสิทธิสตรี ความเท่าเทียมทางเพศ ฯลฯ ไปพร้อม ๆ กัน
ความสำเร็จของบาร์บี้ นอกจากจะทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์กลับมาคึกคักอีกครั้งแล้ว ยังทำให้ชื่อของ Greta Gerwig กลายเป็นชื่อที่โดดเด่นมากขึ้นด้วย ในฐานะผู้กำกับหญิงคนแรกที่ทำรายได้ระดับดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้มีผู้กำกับหญิงที่ได้ชื่อว่าสร้างภาพยนตร์ระดับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ มาแล้วเช่นกัน แต่เป็นลักษณะ Co-directed หรือกำกับร่วมกับผู้กำกับท่านอื่น เช่น Jennifer Lee ผู้กำกับอนิเมชัน Frozen และ Frozen II ร่วมกับ Chris Buck และทำรายได้ไปสองพันล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นต้น