“เบอร์เกอร์คิง” (Burger King) ถือว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารบริการด่วนหรือ QSR (Quick Service Restaurant) จากสหร้ฐอเมริกาที่ครองใจคนไทยมานานกว่า 20 ปี มีเมนูหลักคือ “เบอร์เกอร์” ที่สร้างภาพจำมานาน
และหลังเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยกว่า 2 ทศวรรษ “เบอร์เกอร์คิง” ก็สร้างความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมาสามาถครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มเบอร์เกอร์ และอันดับ 3 ในตลาด QSR เมืองไทย และล่าสุดในปี 2566 เบอร์เกอร์คิง ยังทำผลงานนิวไฮท์รอบ 20 ปีในไทย (ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน) สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ
แม้จะอยู่ในตลาดเมืองไทยมานานทว่าจุดแข็งของเบอร์เกอร์คิงยังอยู่ที่เมนู “เบอร์เกอร์” ที่มีสัดส่วนยอดขายกว่า 70% จากเมนูทั้งหมดภายในร้าน ในขณะที่ภาพรวมตลาดธุรกิจอาหารบริการด่วน (Quick-Service Restaurant) หรือ QSR แสดงให้เห็นถึงการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี เนื่องจากเป็นเซกเมนต์ที่มีขนาดใหญ่ ทำให้ทางค่ายเริ่มมองหาโอกาสใหม่ในตลาดในไทยเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและสร้างทางเลือกไปพร้อมกับเพิ่มโอกาสในการรับประทานให้แก่ลูกค้า ผ่านเมนูใหม่ๆทุกเดือน
โดยผลการสำรวจ พบว่า ปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยนิยมรับประทานโปรตีน “ไก่” มาเป็นอันดับ 1 ตามด้วย “หมู” ที่มาเป็นอันดับ 2 ทำให้ “เบอร์เกอร์คิง” เริ่มมองการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ด้วยการดึงเอา Local Menu ใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าในตลาดในประเทศมากขึ้น โดยเลือกเข้าไปทำตลาดในกลุ่มไก่ทอดที่มีมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งใหญ่กว่าตลาดเบอร์เกอร์ถึง 2 เท่าในการขยายตลาดครั้งใหม่นี้
รับเทรนด์คนไทยทานไก่ มาเป็นอันดับ 1 “เบอร์เกอร์คิง” ส่ง “ไก่ทอดหาดใหญ่” รุกตลาดไก่ทอด 2.5 หมื่นล้าน
คุณธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “คู่แข่งมาก่อนเรา 20-30 ปี เบอร์เกอร์คิงมาทีหลัง เราจำเป็นต้องทำการบ้านหนักกว่าคนอื่น เลยต้องฟัง Insight ลูกค้ามากขึ้นว่าต้องการอะไร ในการสร้างความต่าง ด้วยการผสมผสานสิ่งที่มีและเพิ่มซิกเนเจอร์ความเป็นเราเข้าไป นั่นคือสิ่งที่เราจะเพิ่มในส่วนของกลยุทธ์ Local Menu นับจากนี้ให้เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มอาหารที่เป็นเมนูท้องถิ่นแล้ว 10% และเมนูไก่ทอดคิดเป็น 5% ของร้านเท่านั้น”
“เมนูไก่ทอดของเบอร์เกอร์” จึงเริ่มต้นครั้งแรกเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับอย่างดี จนเกิดการมีพัฒนาเมนูใหม่ๆ ภายใต้กลยุทธ์ Local Menu นี้ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอดระยะเวลาผ่านมา เบอร์เกอร์คิง ได้รังสรรค์หลากหลายเมนูไก่ทอดซีรีย์ “ชิกเก้นคิง” (Chicken King) เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด รวมถึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเชื่อมโยงแบรนด์กับผู้บริโภคให้มีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น ไก่ทอดหอมเจียว ชิกเก้นคิง หรือ ต้มยำ ชิกเก้นคิง ซึ่งล้วนได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค โดยเฉพาะในสาขาจต่างจังหวัดอย่าง อุดรธานี สมุทรปราการ และสระบุรี เป็นต้น
ล่าสุดจึงเดินหน้าเสริมทัพความแข็งแกร่งให้เมนูไก่ทอดซีรีย์ชิกเก้นคิงต่อเนื่องด้วยการเปิดตัว “ไก่ทอดหาดใหญ่ ชิกเก้นคิง” (HATYAI CHICKEN KING) เมนูไก่ทอดหนังกรอบ เนื้อนุ่ม ละมุน ฉ่ำลิ้น ที่เพิ่มอรรถรสในการรับประทานด้วยความกรุบกรอบของหอมเจียวซิกเนเจอร์ของเบอร์เกอร์คิง โดยผู้บริโภคสามารถเลือกทานได้ตามใจชอบ
“เรามีความรู้สึกว่าเราทำอะไรได้ดีกว่านี้ จึงมีการเพิ่มเมนูใหม่ขึ้นมา จากการฟังเสียงลูกค้าที่ถามว่าทำไมไม่มีไก่ทอดหาดใหญ่ เบอร์เกอร์คิงจึงมองหากลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ให้เป็นอันดับ 1 ด้วยการต่อยอด “เมนูข้าว” ที่อยู่แล้วมาเป็นไก่ทอดหาดใหญ่ โดยเริ่มเกิดไอเดียครั้งแรกหลังไปเปิดเบอร์เกอร์คิงสาขาหาดใหญ่และมีเมนูนี้ที่ลูกค้าถามถึง”
ชูราคาเริ่มต้น 49 บาท เน้นเข้าถึงง่าย แถมจัดเซ็ทกินพร้อมข้าวเหนียว
สำหรับ “ไก่ทอดหาดใหญ่ ชิกเก้นคิง” (HATYAI CHICKEN KING) เป็นเมนูที่นำเอาไก่ทอดอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย มาตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่รักหรือมีความชื่นชอบการรับประทานไก่ทอดให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นตลอดเวลา ภายใต้คอนเซ็ปท์ “อร่อยชัดยันสำเนียง” ซึ่งเป็นการนำเอากิมมิคของภาษาท้องถิ่นหรือภาษาใต้ มาสร้างสีสันและโปรโมทต้นกำเนิดที่มาของเมนูดังกล่าว เป็นการนำ Insight จากผู้บริโภคท้องถิ่น ไปต่อยอดเป็นสินค้า – บริการ แคมเปญการตลาด และการสื่อสาร ที่ตอบโจทย์คนไทยมากขึ้น
โดยผู้บริโภคสามารถเลือกทานได้ตามใจชอบ ทั้งแบบชิ้น ในราคาเริ่มต้นชิ้นละ 49 บาท หรือจะอิ่มจุใจกับ “ชุดไก่ทอดหาดใหญ่ ชิกเก้นคิง”ไก่ทอดหาดใหญ่ 2 ชิ้น เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวหอมมะลิออร์แกนิคร้อน ๆ เสริมความอร่อยด้วยน้ำจิ้มแจ่วสูตรลับแบบฉบับเบอร์เกอร์คิง ที่มาพร้อมกับเครื่องดื่มขนาด 16 ออนซ์ ในราคาสุดคุ้มค่า เพียงชุดละ 129 บาท เท่านั้น
พร้อมกันนี้ยังวางเป้าหมายขยายสาขาเบอร์เกอร์คิงเพิ่มปีละ 10 สาขา โดยปีนี้จะเน้นเปิดในทำเลท่องเที่ยวและเมืองหลัก จากปัจจุบันที่มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น สาขาปัจจุบัน 123 สาขาครอบคลุม 20 จังหวัด
ทั้งหมดเพื่อทรานส์ฟอร์มแบรนด์ “เบอร์เกอร์ คิง” ให้เป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จักใช้บริการมากขึ้น เพื่อทำให้สามารถขยายไปสู่ตลาด Mass ได้มากขึ้น ด้วยการ Reinvent ตัวเองตลอดเวลา ซึ่งการที่เบอร์เกอร์คิงมีจุดขายคือเบอร์เกอร์มาตลอด ดังนั้นการมีไก่ทอดมาจะ Complement ลูกค้า สำหรับคนที่ไม่อยากกินเบอร์เกอร์ให้มีทางเลือกมากขึ้น หรือตอบสนองลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มหลากหลายผ่านเมนูไทยๆ เพื่อตอบโจทย์คนไทยมากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม
ส่อง 6 ไฮไลท์ “เบอร์เกอร์คิง” สาขารัชดา แฟล็กชิฟสโตร์คอนเซ็ปต์ใหม่แห่งที่ 2 ของโลกต่อจากอเมริกา